หุ้นไทยปิดตลาดร่วง -12.62 จุด นักวิเคราะห์เผย แรงขายต่างประเทศกดดันดัชนี อีกทั้งยังมีแรงเทขายหุ้นกลุ่มพลังงาน-โรงกลั่นกดดันเข้าสมทบหลังราคาน้ำมันดิบร่วงแรง รวมถึงขายทำกำไรหุ้นใหญ่ทั้ง SCC และกลุ่มค้าปลีก มองกรอบการลงทุนวันพรุ่งนี้แนวรับที่ 1,405 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1,430 จุด แนะจับตาเงินเฟ้อสหรัฐคืนนี้ หากต่ำคาดอาจหนุนเฟดลดดอกเบี้ยเร็ว-แรงส่งผลดีต่อเงินทุนไหลเข้าอาเซียน ลุ้นพรุ่งนี้ดัชนีรีบาวด์
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 11 ก.ย. 2567 ปรับตัวลดลง -12.62 จุด หรือ -0.88% โดยปิดตลาดที่ 1,415.41 จุด มูลค่าการซื้อขาย 73,985.61 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมการซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีฯ ปรับฐานลงแรง โดยระหวง่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,428.13 จุด ในทางกลับกันที่ปรับตัวลดลงต่ำสุด 1,405.30 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 135 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 143 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 387 หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า -861.42 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิกว่า +560.29 ล้านบาท นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า +242.10 ล้านบาท และ บัญชี บล. ซื้อสุทธิกว่า +59.03 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.PTT มูลค่าการซื้อขาย 3,699.69 ล้านบาท ปิดที่ 33.00 บาท ลดลง 0.75 บาท
2.BH มูลค่าการซื้อขาย 2,843.72 ล้านบาท ปิดที่ 270.00 บาท ลดลง 1.00 บาท
3.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,781.74 ล้านบาท ปิดที่ 156.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
4.CPALL มูลค่าการซื้อขาย 2,695.28 ล้านบาท ปิดที่ 64.75 บาท ลดลง 1.00 บาท
5.BBL มูลค่าการซื้อขาย 2,563.84 ล้านบาท ปิดที่ 154.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 1,947.93 จุด ลดลง -18.22 จุด หรือ -0.93% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 893.40 จุด ลดลง -8.38 จุด หรือ -0.93% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 345.23 จุด ลดลง -6.45 จุด หรือ -1.83%
นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ลงแรงตามตลาดหุ้นต่างประเทศส่วนใหญ่ที่ปรับลง โดยได้รับแรงกดดันหลักจากกลุ่มพลังงานและโรงกลั่นหลังจากราคาน้ำมันดิบร่วงลงหลุด 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากความกังวลความต้องการใช้น้ำมันโลกชะลอตัว รวมถึงแรงขายทำกำไรหุ้นใหญ่ ทั้ง SCC และกลุ่มค้าปลีก
"แนะติดตามนายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา และการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) คาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% และการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ คืนวันนี้" นายศราวุธ กล่าว
นอกจากนี้นักลงทุนยังรอติดตาม เพื่อประเมินแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยตลาดคาด Headline CPI เดือน ส.ค.เพิ่มขึ้น 2.6% เทียบรายปี และ Core CPI จะเพิ่มขึ้น 3.2% เทียบรายปี หากตัวเลขออกมาต่ำกว่าคาดจะเป็นแรงหนุนเฟดลดดอกเบี้ยลงเร็วและแรง ซึ่งจะส่งผลดีต่อเงินทุนต่างชาติไหลเข้าสู่ตลาดภูมิภาคอาเซียน ซึ่งไทยก็จะได้รับอานิสงส์ด้วยเช่นกัน
"แนวโน้มวันพรุ่งนี้ตลาด ฯ มีโอกาสรีบาวด์หลังลงมาแรงทดสอบแนวรับ 1,405 จุดก่อนเด้งขึ้นมาได้บ้าง โดยมองแนวรับที่ 1,405 จุด และแนวต้าน 1,430 จุด" นายศราวุธ กล่าวทิ้งท้าย