xs
xsm
sm
md
lg

ทริสจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ JMT วงเงินไม่เกิน 4 พันล้านที่ BBB+

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ทริสเรทติ้ง จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 4 พันล้านบาท ไถ่ถอนภายใน 4 ปี ของบริษัท เจเอ็มที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน)(JMT)ที่ระดับ “BBB+” โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ในการลงทุนขยายธุรกิจ เป็นเงินทุนหมุนเวียน และเพื่อชำระคืนเงินกู้ ในขณะเดียวกัน คงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของบริษัทเจเอ็มที ที่ระดับ “BBB+” โดยแนวโน้มอันดับเครดิตยังคงอยู่ที่ “Negative” หรือ “ลบ” ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทแม่ คือ บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (อันดับเครดิต “BBB+/Negative”) แนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทขึ้นอยู่กับแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทเจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ซึ่งอาจได้รับการปรับกลับเป็น “Stable” หรือ “คงที่” หากบริษัทเจมาร์ทกรุ๊ป โฮลดิ้งส์สามารถปรับปรุงผลการดำเนินงานทางการเงินในขณะที่ยังคงรักษาระดับหนี้สินทางการเงินให้อยู่ในระดับปัจจุบันได้

ทั้งนี้ ผลประกอบการของบริษัทในครึ่งแรกของปี 2567 ต่ำกว่าที่ทริสเรทติ้งคาดหมายไว้ กำไรสุทธิลดลงเหลือ 792 ล้าบนบาท ลดลง 23.2% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งมาจากการจัดเก็บเงินสดจากลูกหนี้ที่อ่อนตัวลง การจัดเก็บเงินสดอยู่ที่ 2.8 พันล้านบาท ลดลง 5.8% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และต่ำกว่าที่คาดไว้ สืบเนื่องมาจากความสามารถในการชำระหนี้ที่ลดลงของลูกหนี้ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ยังคงอ่อนแอ การชะลอตัวลงของการจัดเก็บเงินสดทำให้ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผลประกอบการปรับตัวลดลงในครึ่งแรกของปี 2567 มองไปข้างหน้า บริษัทคาดว่าผลการจัดเก็บเงินสดจะปรับตัวดีขึ้นในครึ่งหลังของปี 2567 จากการที่บริษัทเพิ่มความเข้มข้นในความพยายามทางด้านกฎหมาย ซึ่งเห็นได้จากค่าใช้จ่ายทางกฎหมายที่เพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี 2567

อย่างไรก็ตาม รายได้รวมของบริษัทปรับตัวดีขึ้น 11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 2.7 พันล้านบาท โดยได้รับการสนับสนุนจากธุรกิจการซื้อและบริหารจัดการหนี้ สัดส่วนรายได้ประกอบด้วย 89% จากการซื้อและบริหารจัดการหนี้ 6% จากการติดตามหนี้ และ 5% จากธุรกิจประกันวินาศภัย โดยในครึ่งปีแรกของปี 2567 บริษัทได้ซื้อหนี้เสียมูลค่า 535 ล้านบาท ลดลงอย่างมากจาก 7.3 พันล้านบาทในปี 2566 เนื่องจากจำนวนหนี้เสียคงค้างสะสมที่ซื้อเข้ามาในช่วง 3 ปียังคงอยู่ในระดับสูง นอกจากนี้ บริษัทได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์มุ่งเน้นในการปรับปรุงการจัดเก็บเงินสดในสินทรัพย์การลงทุนในปัจจุบันที่มีอยู่ให้มีตัวเลขที่มากขึ้น มองไปข้างหน้า ทริสเรทติ้งคาดว่าการเข้าซื้อในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 จะยังคงอยู่ในระดับต่ำต่อไป

ส่วนผลการดำเนินงานทางการเงินรวมของกลุ่มเจมาร์ท สะท้อนให้เห็นถึงผลประกอบการของบริษัทเป็นหลัก ซึ่งเห็นได้จากผลกระทบของการเก็บเงินสดที่อ่อนแอของบริษัทต่อ EBITDA ของบริษัทเจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 EBITDA ที่ปรับปรุงแล้วของบริษัทเจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ลดลง 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 2.9 พันล้านบาท แม้ว่าระดับหนี้จะค่อนข้างคงที่ แต่อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินสุทธิต่อ EBITDA เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 3.9 เท่าจาก 3.7 เท่า ณ สิ้นปี 2566 ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดการณ์ว่าการจัดเก็บเงินสดของบริษัทจะยังคงอ่อนแออยู่ ซึ่งอาจกดดัน EBITDA ของบริษัทเจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ และส่งผลให้ระดับหนี้สินทางการเงินเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงอาจจำกัดอันดับเครดิตของทั้งบริษัทเจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ และบริษัท โดยมาตรการที่บริษัทได้ดำเนินการ เช่น การดำเนินคดีทางกฎหมาย อาจช่วยปรับปรุงการจัดเก็บเงินสดในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 อย่างไรก็ตาม ความอ่อนแอทางเศรษฐกิจที่ยังคงมีอยู่ถือเป็นความท้าทายสำคัญต่อการฟื้นตัว
กำลังโหลดความคิดเห็น