นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทยในฐานะประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวถึงมาตรการทางกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐว่า เชื่อว่าทุกภาคอยากเห็นเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ กระจายไปสู่ฐานรากโดยเร็วที่สุดโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ทำให้เกิดความคึกคักสร้างบรรยากาศเศรษฐกิจได้เร็วขึ้น แต่มาตรการระยะปานกลาว และระยะยาวก็เป็นเรื่องที่สำคัญ และจะต้องมีความเชื่อมโยง สอดคล้อง ต่อเนื่อง ไม่อย่างนั้นก็จะไม่เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่
"เป็นเรื่องน่ายินดีที่รัฐบาลชุดนี้สามารถฟอร์มทีมคณะรัฐมนตรีได้อย่างรวดเร็ว ต่อไปก็คงรอดูนโยบายเศรษฐกิจที่จะแถลงอย่างเป็นทางการ ซึ่งในเรื่องของมาตรการอัดฉีดเงินเข้าระบบนั้น คงเป็นเรื่องที่ทุกคนอยากจะเห็น เพราะเมื่อมีเงินเข้าระบบก็จะกระชุ่มกระชวย แต่จุดที่สำคัญคือ มีหนึ่ง แล้วสอง สาม ก็ต้องมีต่อเนื่องด้วย ไม่อย่างนั้น ก็เหมือนกับน้ำที่รดต้นไม้ไปแล้วก็หายไปกับพื้นทรายแค่นั้น"
ทั้งนี้ คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน3สถาบัน(กกร.)ได้นำเสนอใน5ประเด็นสำคัญที่จะต้องมีควาเชื่อมโยงกันทั้งระบบ ไม่ควรเป็นเพียงนโนบายการเงินโดดๆ ทุกภาคส่วนเป็นฟันเฟืองสำคัญ ซึ่งก็คงต้องรอการแถลงนโยบายอย่างทางการของรัฐบาล ขณะที่สมุดปกขาวที่กกร.จะนำเสนอต่อรัฐบาลนั้น ขณะนี้ดำเนินการไปแล้วประมาณ 90% เหลือเพียงการปรับเล็กน้อย คาดว่าในการประชุมเดือนหน้าก็จะสรุปผล และนำเสนอต่อรัฐบาลได้
ส่วนกระแสข่าวการให้ธนาคารลดเงินนำส่งรายปีต่อกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน(FIDF)ในอัตรา 0.46% เหลือครึ่งหนึ่งนี้เพื่อให้ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อเข้าสู่ระบบนั้น นายผยงกล่าวว่า ไม่อยากให้มองเฉพาะมาตรการนี้ แต่อยากให้มองว่าทุกๆมาตรการมี Cost of Fund ดังนั้น สิ่งที่สำคัญคือจะต้องมีความชัดเจนว่าเงินที่ไหลออกไปนั้น ช่วยเพิ่มศักยภาพในระยะกลาง-ยาวอย่างไร เพราะในที่สุดแล้วต้นทุนทางการเงินที่เกิดขึ้นก็มาจากภาษีทั้งสิ้น ขณะที่การปล่อยสินเชื่อของธนาคารนั้น ธนาคารพร้อมที่จะสนับสนุนแต่ก็ต้องดูว่าเป็น Real Demand หรือไม่ เพราะหากเป็นการปล่อยกู้โดยขาดความระมัดระวังก็จะทำให้เกิดปัญหาในเชิงโครงสร้างตามมา