หลังจากฟุบไปยาวนานตามภาวะตลาดที่ตกต่ำ หุ้นบริษัท คาสเซ่อร์พีค โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPH กลับสู่ความร้อนแรงครั้งใหม่ ราคาพุ่งทะยานชนเพดานสูงสุด 2 วันซ้อน ท่ามกลางมูลค่าซื้อขายที่หนาตาขึ้น
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา หุ้น CPH ยังเงียบเหงาซบเซา ราคาปิดที่ 8.80 บาท มูลค่าซื้อขายเพียง 1.3 แสนบาท แต่หลังจากนั้นเริ่มร้อนแรงขึ้น ราคาดีดตัวแรงโดยมีมูลค่าซื้อขายที่หนาตา ก่อนดีดขึ้นมาปิดที่ 16.30 บาท เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยปรับตัวขึ้น 3 วันติด และพุ่งชนเพดานสูงสุด 30% ในวันจันทร์และวันอังคาร
รวม 3 วันทำการ CPH ปรับตัวขึ้น 7.50 บาท หรือปรับตัวขึ้น 85.22%
CPH ดำเนินธุรกิจผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปและธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยรายได้หลักมาจากธุรกิจผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูป ซึ่งส่งออกเป็นส่วนใหญ่
CPH เป็นหุ้นขนาดเล็กที่นักลงทุนไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก มีทุนจดทะเบียนเพียง 40 ล้านหุ้น ราคาพาร์ 10 บาท
กลุ่มนายบุญชู พงษ์เฉลิม เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ สัดส่วนรวมกันประมาณ 50% ของทุนจดทะเบียน โดยมีผู้ถือหุ้นรายย่อยเพียง 2,198 ราย ซึ่งสัดส่วนการถือครองหุ้นของกลุ่มนายบุญชู ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก เพราะไม่มีการจำหน่ายหุ้นออก เช่นเดียวกับสัดส่วนของผู้ถือหุ้นรายย่อยที่คงที่อยู่ประมาณ 46% ของทุนจดทะเบียน
หุ้น CPH เรียกความสนใจของนักลงทุน ภายหลังประกาศผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2565 ซึ่งกำไรเติบโตก้าวกระโดด กระตุ้นให้ราคาพุ่งขึ้นชนเพดานหลายวันติดต่อ ขณะที่นักเก็งกำไรแห่เข้ามาไบ่ซื้อหุ้นจนติดอันดับหุ้นเก็งกำไรยอดนิยม
จากราคาที่เคลื่อนไหวอยู่ระดับ 3 บาทมาพักใหญ่ ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายวันละไม่กี่หมื่นบาท หรือบางวันไม่กี่พันบาท ราคากระโจนขึ้นไปกว่า 30 บาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 1,000% ภายในเวลา 2 เดือนเศษ ขณะที่มูลค่าการซื้อขายคึกคักวันละหลายร้อยล้านบาท
ปี 2565 เป็นปีที่ “พีก” หรือรุ่งเรืองสุดขีดของ CPH โดยผลประกอบการเติบโตก้าวกระโดด จากปี 2564 ที่มีกำไรสุทธิ 17.68 ล้านบาท ปี 2565 ผลกำไรพุ่งเป็น 294.98 ล้านบาท ขณะที่หุ้นมีการซื้อขายอย่างคึกคัก นับจากประกาศผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2565
แต่ปี 2566 สถานการณ์หุ้น CPH กลับสู่ความซบเซา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะภาวะตลาดหุ้นที่ผันผวน และผลประกอบการบริษัทกลับมาชะลอตัว โดยกำไรสุทธิหดเหลือ 78.33 ล้านบาท หุ้นถูกเทขาย จนราคาทรุดลงต่อเนื่อง จนปี 2567 ราคาหุ้นยังเป็นขาลง และลงไปต่ำสุดที่ 8.35 บาท หลังจากนั้นย่ำฐานอยู่ระดับ 8 บาทเศษ ถึง 9 บาทเศษมาหลายเดือน
ราคาที่ถูกลากขึ้นมาอย่างร้อนแรงในครั้งนี้ ยังไม่มีข่าวหรือปัจจัยหนุนที่ชัดเจน เพราะผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกปีนี้ไม่ได้เด่นมากนัก โดยมีกำไรสุทธิ 56.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 46.51 ล้านบาท
แต่อาจมีการคาดหมายถึงผลประกอบการไตรมาสที่ 3 จึงมีแรงซื้อเข้ามาไล่เก็บหุ้นดักเก็งกำไร
ค่าพี/อี เรโช CPH อยู่ที่ประมาณ 7 เท่า อัตราเงินปันผลตอบแทนประมาณ 3% และเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ เพียงแต่ธุรกิจผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูป ผลประกอบการมีความไม่แน่นอน บางปีผลกำไรอาจพุ่งทะยาน แต่บางปีผลประกอบการอาจชะลอตัวลงรุนแรง
หุ้น CPH จึงเก็งกำไรกันเป็นรอบๆ และรอบนี้กำลังถูกจุดพลุเก็งกำไรอีกครั้ง ใครที่จะตามแห่ มีโจทย์ว่า ช้าเกินไปหรือไม่สำหรับการขึ้นรถเมล์เที่ยวแรก