เผ่าภูมิ รมช.คลัง เผยปรับเงื่อนไขแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท โดยรอบแรกจะแจกกลุ่มบัตรคนจน (สวัสดิการแห่งรัฐ) ก่อนจำนวน 14 ล้านคนใน ก.ย.นี้ ซึ่งผู้มีสิทธิ์เดิมไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ โดยผู้ได้รับสิทธิ์จัดอยู่ในหลักเกณฑ์นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ชี้ไม่ได้แจกซ้ำซ้อนแม้วิธีการและเม็ดเงินแตกต่างกับที่กำหนดเดิม
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเลต ว่าได้มีการหารือในรายละเอียด โดยกำหนดให้เงินก้อนแรกที่จะมีการแจกในช่วงเดือนกันยายน 2567 จะเป็นกลุ่มไหนก่อน ซึ่งอยู่ในกระบวนการ โดยจะพิจารณาในกลุ่มที่มีความจําเป็นสูงก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งจะใส่เม็ดเงินลงไปได้เลยในทันที
“อาจจะมีการแจกกลุ่มเปราะบางที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐก่อนเป็นลำดับแรก โดยสามารถแจกได้ในช่วงเดือน ก.ย. 2567 ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียด จึงอยากให้รอความชัดเจนจากการแถลงนโยบาย หลังจากมีการจัดตั้งรัฐบาลเรียบร้อยก่อน แต่ก็อยากให้ประชาชนเบาใจในตรงนี้ ว่ามีความเป็นไปได้สูง ที่จะกำหนดมาตรการที่สามารถสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน ขณะที่กลุ่มผู้ถือบัตรคนจนเดิม ไม่ต้องลงทะเบียนซ้ำใหม่ เพราะข้อมูลของกลุ่มเปราะบางนั้นอยู่ในระบบของรัฐบาลอยู่แล้ว” รมช.คลังกล่าว
อย่างไรก็ตาม โครงการดิจิทัลวอลเลตถือเป็นโครงการขนาดใหญ่ซึ่งหากมีการปรับเงื่อนไขก็ต้องทำให้ตรงกับสถานการณ์มากขึ้น ในเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจ ว่าอะไรสามารถกระตุ้นได้ก่อนก็ทำก่อน อะไรที่อาจจะเป็นระยะกลางก็ต้องกระตุ้นในระยะกลาง ดังนั้น รัฐบาลก็อาจจะมีการปรับเงื่อนไขของโครงการ เพื่อให้สะท้อนภาวะเศรษฐกิจ สะท้อนความจำเป็น และสะท้อนกลุ่มเป้าหมายให้มากขึ้น
"โครงการนี้เป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทย (พท.) ซึ่งหากให้โครงการนี้เป็นนโยบายของรัฐบาล ก็ต้องมีการหารือกับพรรคร่วม โดยปัจจุบันก็ได้มีการหารือพูดคุยกันอยู่ว่าจุดไหนดี ไม่ดี จึงอยากให้ประชาชนใจเย็น อดใจรอความชัดเจนจากการแถลงนโยบาย" นายเผ่าภูมิกล่าว
ขณะที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าการจ่ายเงินในโครงการดิจิทัลวอลเลตผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะเป็นการดำเนินการที่ซ้ำซ้อนกับโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเดิมที่มีอยู่หรือไม่ ซึ่ง รมช.คลัง ระบุว่าไม่มีความซ้ำซ้อน และเป็นคนละมาตรการที่ไม่เกี่ยวข้องกัน เพียงแต่อาจจะใช้ช่องทางที่เชื่อมโยงจากฐานข้อมูลกลุ่มเปราะบางที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ซึ่งเม็ดเงินที่จะนำมาใช้นั้น เพื่อหวังกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก แต่แตกต่างแค่วิธีการเท่านั้น
"ทั้ง 2 โครงการนี้จึงไม่ใช่โครงการที่ซ้ำซ้อนกันอย่างแน่นอน โดยโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐนั้น ประชาชนก็ยังได้รับสวัสดิการตามปกติเช่นเดิม ไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนอะไร ส่วนในระยะต่อไปหากรัฐบาลมีงบประมาณเพิ่มขึ้น หรือมีพี่น้องประชาชนลำบากมากขึ้น ก็อาจจะมีการเพิ่มสวัสดิการขึ้นเรื่อย ๆ"
ขณะที่นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า ปัจจุบันมีประชาชนกลุ่มเปราะบางที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ(บัตรคนจน) ประมาณ 13-14 ล้านคน