xs
xsm
sm
md
lg

TEGH เติบโต Sustainability to Profitability ยอดขายปี 67 แตะออลไทม์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ส่งซิกแนวโน้มผลงานครึ่งหลังปี 67 สัญญาณดี ตอกย้ำการเข้าสู่โหมดเติบโตรอบใหม่ ผู้บริหารมั่นใจยอดขายยางแท่งปีนี้สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากแรงหนุนปริมาณขายยาง EUDR สินค้าไฮมาร์จิ้น เผยภายในเดือน ต.ค.67 นี้ พร้อมขายไบโอแก๊สให้ GGC มูลค่า 1 พันล้านบาท ผูกสัญญายาว 7 ปี แย้มอยู่ระหว่างศึกษาต่อยอดธุรกิจปาล์มใช้เป็นวัตถุดิบผลิตสินค้าเวชภัณฑ์และ Skincare หนุนธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน
           

นาฝ.ส.สินีนุช โกกนุทาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (TEGH) ผู้ผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติ และน้ำมันปาล์มดิบรายใหญ่ในภาคตะวันออก และผู้นำด้านการผลิตพลังงานทดแทนและรับบริหารจัดการกากอินทรีย์แบบครบวงจร ที่นำพลังงานสะอาดมาใช้ในกระบวนการผลิต เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทในครึ่งหลังปี 2567 คาดว่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ตอกย้ำการเข้าสู่โหมดเติบโตรอบใหม่ (Sustainability to Profitability) จากยอดขายยางแท่งที่เร่งตัวมากขึ้น โดยเฉพาะจากปริมาณขายยาง EUDR ซึ่งเป็นสินค้าไฮมาร์จิ้น ที่มีออเดอร์เข้ามามากขึ้น โดยบริษัทตั้งเป้าปริมาณขายยาง EUDR เพิ่มขึ้นเป็น 40% ของปริมาณขายยางทั้งหมด

ทั้งนี้ ประเมินว่ายอดขายยางแท่งในปี 2567 จะเติบโตได้ระดับไม่ต่ำกว่า 10% เทียบปีที่ผ่านมายอดขายอยู่ที่ 197,000 ตัน คาดว่าจะสามารถสร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์

นอกจากนี้ บริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้การขายก๊าซชีวภาพ (ไบโอแก๊ส) จากการที่บริษัท ไทยอีสเทิร์น ไบโอ พาวเวอร์ จำกัด (TEBP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ TEGH ขายให้บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) (GGC) ปริมาณ 40,000-57,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ส่งตรงทางท่อถึงตัวโรงงาน GGC ในจังหวัดชลบุรี มูลค่า 1 พันล้านบาท ผูกสัญญา 7 ปี โดยพร้อมซื้อขายภายในเดือนตุลาคม 2567 นี้

โดยบริษัทเตรียมเดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์ (COD) ผลิตก๊าซชีวภาพโซน 3 เฟสที่ 2 ในครึ่งหลังของปี 2568 ซึ่งจะทำให้สามารถรับกากอินทรีย์เพิ่มขึ้นอีกวันละ 900 ตัน และผลิตก๊าซชีวภาพได้เพิ่มขึ้นอีกวันละ 90,000 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งมีลูกค้าหลายรายที่ให้ความสนใจเข้ามาเจรจา เนื่องจากเป็นก๊าซชีวภาพ เป็นพลังงานสีเขียว (Green Energy) สามารถช่วยในการลดการปลดปล่อยคาร์บอนขององค์กรต่างๆ ได้

กรรมการผู้จัดการ TEGH กล่าวอีกว่า ในส่วนของธุรกิจน้ำมันปาล์มดิบ โครงการติดตั้งหม้อต้มไอน้ำ และหม้อนึ่งต่อเนื่อง จะพร้อมเดินเครื่องในไตรมาส 4/67 และบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาผลิตภัณฑ์เกี่ยวเนื่องจากอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มดิบ เช่น Skincare และการเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตเพื่อการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2567 บริษัทมีรายได้รวม 3,139.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 115.03 ล้านบาท หรือ 3.80% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 3,024.73 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 100.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 97.26 ล้านบาท หรือ 2,743.08% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 3.55 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากอัตรากำไรของยางที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง และการฟื้นตัวของธุรกิจปาล์มน้ำมัน ส่วนงวด 6 เดือนแรกของปี 2567 มีรายได้รวม 6,848 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 164.24 ล้านบาท

อนึ่ง TEGH ยังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นองค์กรที่สร้างความยั่งยืนให้เกิดขึ้นตลอดห่วงโซ่คุณค่า (Sustainable Value Chain) ภายใต้การดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม คำนึงถึงผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน สอดรับกับวิสัยทัศน์ “พันธมิตรทางธุรกิจระดับโลก ที่สร้างห่วงโซ่คุณค่าที่ยั่งยืน” ต่อไป 


กำลังโหลดความคิดเห็น