หุ้นไทยปิดตลาด +1.41 จุด นักวิเคราะห์เผยวันนี้หุ้นไทยปรับตัวเคลื่อนไหวในกรอบแคบหลังไม่ผ่านเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ 1,370 จุด โดยมีแรงขายทำกำไรสลับออกมาหลังจากปรับขึ้นมา สะท้อนความชัดเจนการเมืองมากขึ้น โดยนักลงทุนส่วนใหญ่รอติดตามโฉมหน้ารัฐบาลใหม่และการแถลงนโยบาย ประเมินกรอบการลงทุนวันพรุ่งนี้ยังแกว่งตัวในกรอบ 1,357-1,370 จุด แนะจับตาหุ้นรายตัว แนะเลือกลงทุนหุ้น Laggard
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 28 ส.ค. 2567 ปรับตัวเพิ่มขึ้น +1.41 จุด หรือ +0.10% โดยปิดตลาดที่ 1,365.72 จุด มูลค่าซื้อขาย 43,085.76 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมการซื้อขายหุ้นวันนี้ดัชนีแกว่งตัวในกรอบแคบๆ โดยปรับตัวเคลื่อนไหวสลับทั้งแดนบวกและลบ โดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุด 1,370.67 จุด ในทางกลับกันที่ปรับตัวลดลงต่ำสุด 1,356.51 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 191 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 185 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 281 หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิกว่า +1,761.07 ล้านบาท และ บัญชี บล. ซื้อสุทธิกว่า +163.41 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า -1,303.56 ล้านบาท และ นักลงทุนในประเทศขายสุทธิกว่า -620.92 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.DELTA มูลค่าการซื้อขาย 2,421.84 ล้านบาท ปิดที่ 107.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.50 บาท
2.ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 2,012.62 ล้านบาท ปิดที่ 250.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท
3.PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,743.14 ล้านบาท ปิดที่ 33.25 บาท ลดลง 1.25 บาท
4.BDMS มูลค่าการซื้อขาย 1,336.07 ล้านบาท ปิดที่ 28.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
5.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,295.90 ล้านบาท ปิดที่ 143.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.DELTA ปิดที่ 107.00บาท เพิ่มขึ้น 4.50บาท หรือ4.39%
2.ADVANC ปิดที่ 250.00บาท เพิ่มขึ้น3.00บาท หรือ1.21%
3.BH ปิดที่ 244.00บาท เพิ่มขึ้น2.00บาท หรือ 0.83%
4.SAPPEปิดที่ 71.00บาท เพิ่มขึ้น1.00บาท หรือ1.43%
5.SCCปิดที่ 223.00บาท เพิ่มขึ้น1.00บาท หรือ0.45%
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.PTTEP ปิดที่143.00 บาท ลดลง 2.00บาท หรือ1.38%
2.AEONTS ปิดที่128.00บาท ลดลง 1.50บาท หรือ1.16%
3.PTT (XD) ปิดที่33.25บาท ลดลง 1.25บาท หรือ3.62%
4.GPSC ปิดที่41.00บาท ลดลง 1.25บาท หรือ2.96%
5.KKP ปิดที่ 46.25บาท ลดลง 0.75บาท หรือ 1.60%
ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 1,879.03 จุด เพิ่มขึ้น 4.16 จุด หรือ 0.22% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 863.26 จุด เพิ่มขึ้น 2.79 จุด หรือ 0.32% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 326.24 จุด ลดลง -0.30 จุด หรือ -0.09%
นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้เคลื่อนไหวกรอบแคบหลังจาก SET ขึ้นไปทดสอบบริเวณ 1,360-1,370 จุดที่เป็นเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ทำให้เริ่มมีแรงขายทำกำไรสลับออกมาเพื่อล็อกกำไรในระยะสั้น
"ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันดัชนี ฯ ขึ้นมาจากความชัดเจนทางการเมือง ซึ่งตลาดในช่วงสั้นสะท้อนปัจจัยดังกล่าวแล้ว และยังต้องรอติดตามการจัดต้งรัฐบาลใหม่จะมีนโยบายอย่างไร จะดำเนินนโยบายเดิมต่อเนื่องหรือไม่ หรือจะปรับเปลี่ยนไปอย่างไร ซึ่งเป็นภาพไม่แน่นอน นักลงทุนจึงไม่รีบร้อนเข้าซื้อ"
นอกจากนี้ ช่วงที่ผ่านมา ตลาดหุ้นในภูมิภาคนี้ รวมถึงตลาดหุ้นไทย ต่างปรับขึ้นมาได้ดีกว่าหุ้นโลก จากเงินสกุลประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แข็งค่าอย่างรวดเร็ว ทั้งเปโซ ริงกิต รูเปี๊ยะห์ และเงินบาท ตอบรับทิศทางการปรับลดดอกเบี้ย ซึ่งมองว่าการที่ตลาดหุ้นฟื้นในช่วงเดือน ส.ค.อาจเป็นเพียงแรงเก็งกำไรของต่างชาติทั้งในค่าเงินและตลาดหุ้น โดยต่างชาติที่เข้ามาซื้อหุ้นไทยคาดว่าทำกำไรไปราว 15-20% จากเงินบาทแข็งค่า 9% และตลาดหุ้นไทยขึ้นมา 7% และหุ้นรายตัวขึ้นไปมากกว่า 7% ดังนั้น มองว่ามีโอกาสขายทำกำไรออกมา
"มอง SET สัปดาห์นี้มีแนวรับ 1,330-1,340 จุด แนวต้านที่ 1,365-1,370 จุด ขณะเดียวกัน การจัดงาน Thailand Focus ในวันนี้ ยังไม่ได้ทำให้ตลาดขึ้นมาหวือหวา และจากสถิติในอดีตช่วงจัดงานคงยังไม่ได้เคลื่อนไหวมากนัก"
ส่วนแนวโน้มวันพรุ่งนี้คาดดัชนี SET ยังแกว่งในกรอบ 1,357-1,370 จุด และอาจจะใช้เวลานานกว่าจะผ่านเส่นค่าเฉลี่ย 200 วันขึ้นไปได้ จึงน่าจะเห็นแรงขายทำกำไรสลับออกมาในหุ้นรายตัว แนะเลือกลงทุนหุ้น Laggard