โบรกเกอร์ คาด กำไร บจ. ครึ่งปีหลังต่อโตเนื่องจากครึ่งปีแรก ที่ทำได้รวม 5.19 แสนล้านบาท โตเกือบ 10% แถมอาจดีกว่า จากแรงหนุน มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ ตั้งคาดทั้งปีทะลุ 1.1 ล้านล้านบาท จากปีก่อนที่ 9.61 แสนล้านบาท ขณะที่ บล.ดาโอ เตรียมเพิ่มเป้า EPS เป็น 85-86 บาท จากตอนนี้ที่ 81 บาท พร้อมแนะกลยุทธ์ลงทุนดักซื้อหุ้นรับอานิสงส์นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เชียร์กลุ่มค้าปลีก โรงแรม แจ่ม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัทจดทะเบียน (บจ.) จำนวน 819 บริษัท คิดเป็น 95.7% จากทั้งหมด 856 บริษัท (รวม SET และ mai แต่ไม่รวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน) นำส่งผลการดำเนินงานไตรมาส 2/67 พบว่ามี บจ.รายงานกำไรสุทธิ 631 บริษัท คิดเป็น 77.05% ของ บจ. ที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด โดยผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปีนี้ พบว่า บริษัทจดทะเบียนมีกำไรสุทธิรวม 5.19 แสนล้านบาท เติบโตขึ้น 9.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังมียอดขายรวม 8.96 ล้านล้านบาท เติบโตขึ้น 6.3% จากปีก่อน
ดาโอ เล็งปรับเป้า EPS เพิ่มเป็น 85-86 บาท
นาย มงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์ลงทุนหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ดาโอ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ภายหลังบริษัทจดทะเบียน หรือ บจ. รายงานผลการดำเนินงานครึ่งแรกของปีนี้ออกมาดีกว่าคาดไว้เดิม ทำให้ฝ่ายวิจัย บล.ดาโอ (ประเทศไทย) กำลังอยู่ในช่วงการปรับกำไร บจ. ขึ้นจากเดิมที่คาด EPS ไว้ที่ 81 บาท/หุ้น ซึ่งอาจจะมีการปรับขึ้นที่ระดับ 85 - 86 บาท/หุ้น
"ช่วงครึ่งหลังของปี 67 ผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียน มีแนวโน้มดีขึ้นกว่าช่วงครึ่งแรกของปีนี้เล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากที่ผ่านมายังไม่มีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลออกมาเลย โดยความหวังหลักในการขับเคลื่อนผลการดำเนินงานรวมช่วงดังกล่าว คือ การผลักดันนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลเป็นหลัก" นายมงคล กล่าว
ทั้งนี้ บล.ดาโอ เคยประเมินไว้ว่านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจะไปกระจุกตัวอยู่ในช่วงครึ่งหลังของปี แต่อย่างไรก็ดีผ่านมา 2 เดือนแล้ว ทำให้อาจคาดเดาว่า การกระตุ้นเศรษฐิจจากรัฐบาลอาจมาน้อยกว่าที่ประเมินไว้เดิม ทำให้ผลการดำเนินงานช่วงดังกล่าวมีแนวโน้มเติบโตเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก
อย่างไรก็ตาม เรายังให้น้ำหนักเกี่ยวกับปัจจัยนี้เป็นปัจจัยหลัก สำหรับการขับเคลื่อนผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนในช่วงที่เหลือของปี 2567 ถ้ามาได้เร็วก็จะเป็นผลดีต่อผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียน โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่จะเป็นหัวเรือหลักช่วยขับเคลื่อนผลการดำเนินงานรวมของบริษัทจดทะเบียนในช่วงครึ่งหลัง คือ กลุ่ม ค้าปลีก และ ธนาคารพาณิชย์ เนื่องจากประเมินว่า เป็นกลุ่มที่จะได้รับอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลมากที่สุด
ไอร่า คาด กำไรบจ. ครึ่งหลังมีแนวโน้มโตต่อ ได้เบิกจ่ายรัฐช่วยหนุน
นาย ณรงค์เดช จันทรไพศาล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไอร่า กล่าวว่า กำไรบริษัทจดทะเบียนช่วงครึ่งหลังของปีนี้มีแนวโน้มดีขึ้นกว่าช่วงครึ่งปีแรก สะท้อนจากอัตราการเติบโต GDP ไตรมาส 2/67 ที่ดีกว่าคาด ทำให้อนุมานได้ว่า GDP ประเทศไทยได้ผ่านจุดต่ำสุด (Bottom) ไปแล้วในช่วงไตรมาส 1/67 ดังนั้นมีแนวโน้มที่จะเห็นการไต่ระดับขึ้นของ GDP ในระยะถัดไป อีกทั้งช่วงครึ่งปีหลังจะมีการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐช่วยหนุนผลการดำเนินงาน บจ. อีกด้วย
อย่างไรก็ดี หลังผ่านช่วงการรายงานงบการเงินบริษัทจดทะเบียนครึ่งปีแรก ฝ่ายวิจัย บล.ไอร่า ไม่ได้มีการปรับตัวเลขคาดการณ์กำไรบริษัทจดทะเบียนขึ้น เนื่องด้วยประเมิน EPS ตลาดหุ้นไทยปีนี้ไว้ที่ 93 - 95 บาท/หุ้น ซึ่งเป็นระดับที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว
"เรายังต้องติดตามสถานการณ์น้ำท่วมภาคเหนืออย่างใกล้ชิดด้วย ซึ่งถ้าสถานการณ์ยาวนาน หรือรุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ก็จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ที่จะกระทบต่อผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนในช่วงดังกล่าวด้วย" นายณรงค์เดช กล่าว
ทั้งนี้ประเมินว่า กลุ่มอุตสาหกรรม ที่จะเป็นความหวังขับเคลื่อนผลการดำเนินงาน บจ. รวมช่วงครึ่งปีหลัง จะประกอบด้วย 4 กลุ่มอุตสาหกรรม คือ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ และ ไฟแนนซ์ ที่จะได้รับอานิสงส์จากเศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัว, กลุ่มโรงไฟฟ้า ได้รับอานิสงส์จากความต้องการใช้ไฟฟ้าในประเทศเพิ่มขึ้น ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และกลุ่มค้าปลีก ที่จะได้รับอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล
เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ หวังทั้งปีกำไรบจ. ทะลุ 1.1 ล้านลบ.
ด้าน นาย ประกิต สิริวัฒนเกตุ" กรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เมอร์ชั่นพาร์ทเนอร์ ประเมินว่า ผลการดำเนินงาน บจ. ครึ่งหลังของปีนี้ มีแนวโน้มดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก โดยประเมินกำไรช่วงดังกล่าวไว้ที่ 5.7 แสนล้านบาท ซึ่งเมื่อรวมกับกำไรช่วงครึ่งปีแรก จะทำให้ปี 67 บริษัทจดทะเบียนมีกำไรรวมกันที่ 1.1 ล้านล้านบาท
แต่ยังต้องระวังผลการดำเนินงานไตรมาส 3/67 ด้วย เพราะในช่วงดังกล่าว มีแนวโน้มที่กำไรจะอ่อนตัวลงได้ เพราะเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของบริษัทจดทะเบียนไทย ทำให้จะเห็นการประคองตัวในหลาย ๆ อุตสาหกรรม เช่น พลังงาน และธนาคารพาณิชย์ เป็นต้น อีกทั้งกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ยังเผชิญกับยอดจองกรรมสิทธิ์ และยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่ลดลงตามกำลังซื้อต่อเนื่อง มีเพียงกลุ่มส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น ที่มีโมเมนตั้มเชิงบวก
อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงาน บจ. จะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งในช่วงไตรมาส 4/67 จากกลุ่มค้าปลีก และ ท่องเที่ยว ที่จะได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และการเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นในการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนในประเทศ
ส่วน กลุ่มอุตสาหกรรม ที่จะเป็นดาวเด่นขับเคลื่อนผลการดำเนินงาน บจ. ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ นำโดยหุ้นในกลุ่มค้าปลีก ที่คาดว่าจะได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐฐาล อย่าง โครงการ "ดิจิทัล วอลเล็ท" ที่จะมีเงินเติมเข้ามาในระบบอย่างน้อย 1.2 แสนล้านบาทในกลุ่มเปราะบาง และกลุ่มผู้สูงวัยอีก 2 หมื่นล้านบาท ส่วนอีกกลุ่มอุตสาหกรรม ที่เด่น คือ โรงแรม เพราะจะได้รับแรงหนุนจากการเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว
ขณะที่ กลุ่มอุตสาหกรรม ที่ยังน่าเป็นห่วงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ คือ กลุ่มพพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อในประเทศลดลง และการปฏิเสธสินเชื่อบ้านของธนาคารพาณิชย์ที่สูงขึ้น ทำให้หุ้นกลุ่มนี้ ยังคงต้องคาดหวังจากการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) รวมถึงมาตรการกระตุ้นซื้ออสังหาริมทรัพย์จากรัฐบาลด้วย ซึ่งก็ยังไม่มีความแน่ชัดว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่