บมจ.พีเอ็มซีเลเบิล แมททีเรียลส (PMC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บมจ.ซีลิค คอร์พ (SELIC) กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนเสนอขายประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ที่ราคาหุ้นละ 1.82 บาท มูลค่าการเสนอขายรวม 210,601,300 บาท ระยะเวลาจองซื้อสำหรับผู้ถือหุ้นของ SELIC เฉพาะกลุ่มที่มีสิทธิได้รับจัดสรรหุ้นตามสัดส่วนการถือหุ้น (Pre-emptive Rights) ระหว่างวันที่ 29-30 สิงหาคม 2567 และวันที่ 2 กันยายน 2567 ส่วนสำหรับบุคคลตามดุลพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ และผู้มีอุปการคุณของบริษัท ระหว่างวันที่ 3-5 กันยายน 2567 และเข้าจดทะเบียนในตลาด mai โดย บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
ทั้งนี้ จัดสรรการเสนอขายต่อผู้ถือหุ้นของ SELIC เฉพาะกลุ่มที่มีสิทธิได้รับจัดสรรหุ้น จำนวน 34,715,000 หุ้น คิดเป็น 30.00% ของจำนวนหุ้นที่เสนอขาย และบุคคลตามดุลพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ จำนวน 71,000,000 หุ้น คิดเป็น 61.36% และผู้มีอุปการคุณของบริษัท จำนวน 10,000,000 หุ้นคิดเป็น 8.64% รวมทั้งหมด 115,715,000 หุ้น
การกำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญของบริษัทในครั้งนี้ พิจารณาจากอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้นของบริษัท (Price to Earnings หรือ P/E Ratio) โดยราคาหุ้นสามัญที่เสนอขายหุ้นละ 1.82 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Trailing 12-month P/E Ratio) เท่ากับ 12.18 เท่า เมื่อเทียบกับกำไรต่อหุ้นที่ 0.1494 บาท ซึ่งคำนวณจากกำไรสุทธิของบริษัทในช่วง 12 เดือนย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2566 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2567 ที่ 40.4 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทก่อนการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ ซึ่งเท่ากับ 270,000,000 หุ้น (Pre-IPO Dilution) และคิดเป็นอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) เท่ากับ 17.40 เท่า เมื่อเทียบกับกำไรต่อหุ้นที่ 0.1046 บาท หากพิจารณากำไรสุทธิต่อหุ้นที่คำนวณจากจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ ซึ่งเท่ากับ 385,715,000 หุ้น (Post-IPO Dilution หรือ Fully-Diluted)
ทั้งนี้ จำนวน 57,856,750 หุ้น คิดเป็น 15.00% ของจำนวนหุ้นที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทที่ไม่ติด Silent Period ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนในครั้งนี้ ทั้งนี้ การคำนวณจำนวนและสัดส่วนหุ้นของผู้มีส่วนร่วมในการบริหารที่ไม่ติด Silent Period ดังกล่าว จะไม่นับรวมจำนวนหุ้นที่ผู้มีส่วนร่วมในการบริหารได้รับจัดสรรในฐานะผู้ถือหุ้นของ SELIC เฉพาะกลุ่มที่มีสิทธิได้รับจัดสรรหุ้นของบริษัท
นอกจากนี้ บมจ.ซีลิค คอร์พ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทได้ตกลงที่จะไม่ขายหุ้นส่วนที่ไม่ติด Silent Period ซึ่งมีจำนวนรวม 57,856,750 หุ้น เป็นเวลา 6 เดือนนับแต่วันแรกที่หุ้นสามัญของบริษัทเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ (Voluntary Share Lockup)
PMC จะนำเงินจากการเสนอขาย IPO ไปใช้ลงทุนในสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับสายการผลิตใหม่ และชำระคืนเงินกู้ยืมสถาบันการเงิน จำนวน 180-190 ล้านบาทในปี 67 โดยบริษัทอยู่ระหว่างการลงทุนขยายกำลังการผลิตสติกเกอร์ โดยการติดตั้งสายการผลิตใหม่ซึ่งจะเพิ่มกำลังการผลิตสินค้าของบริษัทจากเดิม 75 ล้าน ตร ม. เป็น 185 ล้าน ตร.ม.ต่อปี มูลค่าการลงทุนรวมประมาณ 230 ล้านบาท โดยมีแหล่งเงินทุนจากการกู้ยืมสถาบันการเงิน 77% และกระแสเงินสดภายในกิจการ 23% ตามลำดับ บริษัทได้ลงทุนไปแล้วโดยส่วนใหญ่ บริษัทจะใช้เงินที่ได้รับจากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ชำระค่าเครื่องจักรและอุปกรณ์ส่วนที่เหลือ และชำระคืนเงินกู้ยืมสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้องกับสายการผลิตใหม่ และ/หรือ ชำระคืนเงินกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงิน
และลงทุนขยายธุรกิจของบริษัท ซึ่งรวมถึงการขยายศูนย์กระจายสินค้าในประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียน เช่น ประเทศอินโดนีเซีย และเวียดนาม จำนวน 10-20 ล้านบาท ในปี 68-70 โดยบริษัทมีแผนจะเพิ่มศูนย์กระจายสินค้าในภูมิภาคอาเซียนให้ครบ 5 แห่ง โดยในเบื้องต้นคาดว่าจะเปิดศูนย์กระจายสินค้าเพิ่มเติมในประเทศอินโดนีเซียและเวียดนาม เพื่อสร้างความสามารถในการเข้าถึงลูกค้ารายใหญ่ในภูมิภาค โดยจะใช้เงินลงทุนประมาณ 5-10 ล้านบาทต่อแห่ง (ไม่รวมเงินทุนหมุนเวียนในการจัดซื้อสินค้า)
PMC ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สติ๊กเกอร์ (Sticker) หรือฉลากกาว (Self-Adhesive Label) รายใหญ่ของประเทศ บริษัทจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในรูปแบบสติ๊กเกอร์เปล่า ซึ่งประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ สติกเกอร์กระดาษ สติกเกอร์ฟิล์ม และสติกเกอร์ชนิดพิเศษอื่นๆ บริษัทจำหน่ายสติกเกอร์ให้แก่ลูกค้าในกลุ่มธุรกิจโรงพิมพ์ฉลากสินค้า (Printers) และผู้ผลิตฉลากสินค้า (Converters) เป็นหลัก โดยลูกค้าเหล่านี้จะนำสติกเกอร์เปล่าไปดำเนินการออกแบบ จัดพิมพ์ลวดลายและตัดให้ได้รูปทรง เพื่อผลิตเป็นฉลากสินค้าให้แก่ลูกค้าซึ่งเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์หรือ End Users อีกทอดหนึ่ง
บริษัทจำหน่ายสติกเกอร์ให้แก่ลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศผ่านการดำเนินงานของบริษัท และบริษัทย่อย 2 แห่ง ได้แก่ PMC Label Materials PTE., Ltd. หรือ PMCS ในประเทศสิงคโปร์ และ PMC Label Materials (Malaysia) SDN. BHD. หรือ PMCM ในประเทศมาเลเซีย ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนการจำหน่ายสินค้าในประเทศประมาณ 65% ส่วนอีก 35% เป็นการจำหน่ายให้แก่ลูกค้าในต่างประเทศกว่า 15 ประเทศทั่วโลก บริษัทมีฐานลูกค้าหลักในประเทศไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย และเวียดนาม ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทสามารถเพิ่มยอดขายสินค้าได้อย่างต่อเนื่องแม้ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19
บริษัทเป็นบริษัทย่อยในสัดส่วน 100% ของ SELIC ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ และเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายกาวอุตสาหกรรมชั้นนำของประเทศ โดยบริษัทถือเป็นแกนหลัก (Flagship Company) ในกลุ่ม SELIC ที่ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายสติกเกอร์เปล่า ซึ่งเป็นวัตถุดิบต้นน้ำสำหรับการผลิตฉลากสินค้าและฉลากบรรจุภัณฑ์ อีกทั้งยังสามารถต่อยอดการใช้งานได้ในอีกหลากหลายอุตสาหกรรม