"แสนสิริ" หวังภาพรวมเศรษฐกิจครึ่งปีหลังฟื้นตัว จับตานโยบายผ่อนปรน LTV ลดดอกเบี้ย มาตรการอสังหาฯ หนุนตลาดฟื้น ลั่นไม่ลดเป้าผลประกอบการ มั่นใจยอดขาย 52,000 ล้านบาท ยอดโอน 43,000 ล้านบาท ได้แน่นอนแม้ตลาดอสังหาฯ ไม่ดี แจงขายหุ้น Standard International เป็นดีลที่ใกล้สุกแล้ว หนุนกำไรทำสถิติต่อเนื่อง ลดหนี้ลง ลงทุนขยายโครงการ ธุรกิจใหม่
นายอุทัย อุทัยแสงสุข กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI บริษัทอสังหาริมทรัพย์เบอร์ 1 เปิดเผยถึงภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไทยว่า ค่อนข้างจะเหนื่อย เพราะมีปัญหาในเรื่องของโครงสร้างที่สะสมมา 10 กว่าปี มีการสึกกร่อน รัฐบาลใหม่เข้ามามีเรื่องต้องสะสางอีกเยอะ แต่ในครึ่งหลังของปี 2567 เราพอเห็นสัญญาณที่จะมาขับเคลื่อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การส่งออกที่เริ่มดีขึ้นพอจะบวกได้ ท่องเที่ยวในครึ่งปีหลังจะดีขึ้นมาก และงบประมาณของรัฐบาลที่จะเริ่มออกมาสู่ระบบ แต่ยังมีปัจจัยที่เฝ้าระวัง ทั้งเรื่องของ politics สงครามระหว่างประเทศ
ขณะที่เชิงบวกนั้นมีเรื่องมาตรการส่งเสริมภาคอสังหาฯ การผ่อนปรนเรื่องเกณฑ์ LTV ที่ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำลังพิจารณาทบทวนหลักเกณฑ์ในเดือนกันยายน ซึ่งจะส่งผลดีกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการซื้อบ้านหลังที่สองและสาม และทิศทางดอกเบี้ยนโยบายในช่วงปลายปีนี้ อาจปรับตามธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะลดดอกเบี้ยลง จะเป็นผลดีที่จะมีเงินทุนไหลเข้ามายังประเทศไทย บวกกับการเมืองมีเสถียรภาพ ทำให้มีโอกาสเงินทุนไหลเข้าประเทศไทย ดัชนีตลาดหุ้นจะมีแนวโน้มปรับดีขึ้น เช่นกัน
สำหรับภาคอสังหาริมทรัพย์ต้องยอมรับว่าปีนี้ยังเหนื่อยอยู่ ไม่ดี แต่แสนสิริสามารถยังคงรักษาเป้าหมายต่างๆ ได้ตามแผนที่วางไว้ เนื่องจาก 1.แสนสิริ มีการส่งมอบบ้านที่มีคุณภาพ 2.ส่งบ้านและคอนโดฯ ได้ตรงตามเวลา 3.พนักงานขายมีความแม่นยำในการนำเสนอข้อมูลให้ลูกค้า 4.เรามีทีมบริหารที่มีความเป็นมืออาชีพ เช่น บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด และ 5.นโยยายที่แสนสิริ ขยับมาลงทุนและพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยระดับกลางถึงบน ลูกค้ามีควมพร้อมในการซื้อที่อยู่อาศัย
"เราทำธุรกิจ เราต้องมองตัวเอง ต้องทำให้แข็งแรง ตลาดอสังหาฯ ไม่ดี แต่เราว่ายน้ำเก่ง รวมถึงแบรนดิ้งของแสนสิริดี ซึ่งในปีนี้เรายังคงเป้าหมายผลประกอบการตามที่ประกาศไว้" นายอุทัย กล่าว
สำหรับความคืบหน้าที่ผู้ประกอบการโรงแรมแบรนด์ระดับโลก Hyatt (ไฮแอท) เข้ามาลงทุนโรงแรม Standard International ซึ่งบริษัทแสนสิริ ถือหุ้นอยู่ 71% ด้วยมูลค่าประมาณ 355 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 12,000 ล้านบาทว่า การชำระเงินก้อนแรก 150 ล้านดอลลาร์ คาดปลายเดือนกันยายนหรือต้นเดือนตุลาคม 67 อีก 185 ล้านดอลลาร์ จะทยอยรับรู้ตามเงื่อนไขไปอีก 4 ปี และยังมีส่วนค่าบริหารจัดการ (ค่าฟี) ประมาณ 20 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 700 ล้านบาท)
ซึ่งโดยรวมแล้วจะส่งผลดีหลายด้าน ทั้งเรื่องตัวเลขกำไรสุทธิที่คาดว่าในปีนี้จะทำสถิติสูงขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 จากสิ้นปี 2566 มีกำไรสุทธิที่ 6,060 ล้านบาท การนำเงินไปชำระหนี้ประมาณ 79,000 ล้านบาท ในส่วนที่มีภาระดอกเบี้ยจ่ายลงได้ คาดว่าสัดส่วนหนี้ภายในสิ้นปีจะต่ำกว่า 1.5 เท่า จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.62 เท่า พร้อมมีกระแสเงินสดรองรับการครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ รวมถึงนำไปลงทุนขยายโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ได้
"ต่อให้เราไม่ได้ขายแบรนด์ Standard International เรามีความพร้อมอยู่แล้ว มีสภาพคล่องเพียงพอรองรับมากถึง 15,000 ล้านบาท และการออกหุ้นกู้ครั้งนี้การจองจะเกินโควตาทุกครั้ง"
นายวิชาญ วิริยะภูษิต ประธานผู้บริหารสายงานการเงิน บริษัท แสนสิริ กล่าวว่า แสนสิริ ทั้งปีจะเปิด 46 โครงการ ครึ่งปีแรกเปิดได้ตามแผน 20 โครงการ และในไตรมาส 3 และ 4 จะเปิดไตรมาสละ 13 โครงการ มูลค่าโครงการ 16,000 ล้านบาท และ 24,000 ล้านบาท ตามลำดับ และมั่นใจจะทำยอดขายทั้งปีได้ 52,000 ล้านบาท ครึ่งปีกวาดมาได้กว่า 25,000 ล้านบาท และยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่ 43,000 ล้านบาท สามารถทำได้กว่า 20,000 ล้านบาท ซึ่งในครึ่งปีหลังทั้งยอดขายและโอนจะสูงกว่าช่วงครึ่งปีแรกอยู่แล้ว