Telegram แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่เข้ารหัสตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง ออกแถลงการณ์หลังจากที่ทางการฝรั่งเศสเข้าจับกุมนาย พาเวล ดูรอฟ ซีอีโอ และผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์มคาสนามบิน โดยทางแพล็ตฟอร์มระบุว่า นายดูรอฟนั้น เดินทางทั่วทั้งยุโรปบ่อยครั้ง และการดำเนินธุรกิจก็อยู่ภายใต้กฏหมาย ไม่มีอะไรที่ต้องปิดบัง
โดยเย็นวันเสาร์ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสควบคุมตัวดูโรฟไว้ที่สนามบินเลอบูร์เกต์ นอกกรุงปารีสเมื่อ โดยแผนการเดินทางระบุว่าเขากำลังเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัวจากประเทศอาเซอร์ไบจานไปยังประเทศในยุโรป
ล่าสุด จากการรายงานของ The Guardian ระบุถึงรายงานของผู้พิพากษาที่ทำการสอบสวนได้ขยายเวลาควบคุมตัวเขาออกไปเกินกว่า 24 ชั่วโมง ต่อเนื่องมาจนถึงคืนวันอาทิตย์ โดยประเมินว่าการสอบสวนอาจกินเวลานานสูงสุด 96 ชั่วโมง
“Telegram ยืนกรานปฏิบัติตามกฎหมายของสหภาพยุโรป”
แม้ว่าข้อกล่าวหาที่ชัดเจนต่อดูรอฟยังคงไม่ชัดเจน แต่มีรายงานว่าเขาถูกกล่าวหาว่าละเมิดกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการขาดการควบคุมเนื้อหาบน Telegram โดยคาดว่าทางการฝรั่งเศสจะออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการเกี่ยวกับคดีนี้ในวันนี้
Freedom to communicate privately;
Freedom to express yourself publicly;
Freedom to build your apps and businesses.#FreePavel pic.twitter.com/SOPxuD6Ooo— TOKEN2049 (@token2049) August 25, 2024
ขณะที่ตามรายงานของ AFP หน่วยงาน OFMIN ของฝรั่งเศส ซึ่งมีหน้าที่ป้องกันความรุนแรงต่อผู้เยาว์ ได้ออกหมายจับดูโรฟ โดยตั้งข้อหาเขาในความผิดต่างๆ เช่น ฉ้อโกง ค้ายาเสพติด กลั่นแกล้งทางไซเบอร์ ก่ออาชญากรรมที่เป็นขบวนการ และส่งเสริมการก่อการร้าย
Telegram กล่าวในแถลงการณ์อย่างเป็นทางการครั้งแรกทางช่อง Telegram News เมื่อวันเสาร์ ว่า “เป็นเรื่องไร้สาระที่จะอ้างว่าแพลตฟอร์มหรือเจ้าของแพลตฟอร์มต้องรับผิดชอบต่อการละเมิดแพลตฟอร์มนั้น”
นอกจากนี้ในแถลงการณ์ “Telegram ยังระบุอีกว่าได้ปฏิบัติตามกฎหมายของสหภาพยุโรป รวมถึงกฎหมายบริการดิจิทัล โดยมีการควบคุมดูแลตามมาตรฐานอุตสาหกรรมและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีผู้ใช้เกือบพันล้านคนทั่วโลกใช้ Telegram เป็นช่องทางการสื่อสารและเป็นแหล่งข้อมูลที่สำคัญ”
ทั้งนี้สื่อหลายสำนักใช้คำว่า "กักขัง" และ "จับกุม" สลับกันเพื่ออธิบายการกระทำต่อดูรอฟ อย่างไรก็ตาม ทั้งสองคำนี้มีความแตกต่างกัน การกักขังคือการกักขังชั่วคราวเพื่อวัตถุประสงค์ในการสืบสวนโดยไม่ตั้งข้อกล่าวหาอย่างเป็นทางการ ในขณะที่การจับกุมเกิดขึ้นเมื่อบุคคลถูกควบคุมตัวอย่างเป็นทางการและถูกตั้งข้อกล่าวหาในความผิดหนึ่งข้อขึ้นไป
#FreePavel
pic.twitter.com/B7AcJWswMs— Elon Musk (@elonmusk) August 25, 2024
เหรียญ TON ร่วงแรง กดดันมูลค่าดิ่ง ขาดทุน 2.7 พันล้านเหรียญ
ในขณะเดียวกัน การควบคุม นายดูรอฟ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อราคาของ TON ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่สนับสนุน The Open Network ซึ่งเป็นโครงการบล็อคเชนที่เชื่อมโยงกับ Telegram โดยมูลค่าของโทเค็นลดลงประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์นับตั้งแต่ดูรอฟถูกกักขัง โดยสูญเสียมูลค่าไปประมาณ 2.7 พันล้านดอลลาร์
ดูรอฟซึ่งเกิดในรัสเซียเป็นนักธุรกิจมหาเศรษฐีที่มีทรัพย์สินสุทธิประมาณ 15,500 ล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลของ Forbes โดยเขาและนิโคไล ดูรอฟ พี่ชายของเขา ก่อตั้ง Telegram ขึ้นในปี 2013 โดยให้ความสำคัญกับการเข้ารหัสแบบ end-to-end อย่างไรก็ตาม เขาต้องเดินทางออกจากรัสเซียในปีถัดมาหลังจากปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลรัสเซียในการปิดชุมชนฝ่ายค้านบนแพลตฟอร์มดังกล่าว
Telegram ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และแข่งขันกับโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่อย่าง WhatsApp และ Instagram ของ Facebook, TikTok และ WeChat โดยการสรุปยอดบัญชีในแพลตฟอร์มนี้ มีผู้ใช้งานมากกว่า 900 ล้านคน และมีอิทธิพลในรัสเซีย ยูเครน และสาธารณรัฐในอดีตสหภาพโซเวียต
โดยก่อนหน้านี้ ดูรอฟย้ายไปสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในปี 2017 และย้ายบริษัทของเขาไปยังประเทศในตะวันออกกลางด้วย นอกจากนี้ตามรายงานของสื่อฝรั่งเศส เขาได้รับสัญชาติฝรั่งเศสในเดือนสิงหาคม 2021 และเขายังได้รับสัญชาติสหรัฐอาหรับ เอมิเรตส์อีกด้วย ขณะที่สำนักข่าวรอยเตอร์ยังระบุด้วยว่าเขามีสัญชาติเซนต์คิตส์และเนวิส ซึ่งเป็นประเทศที่มีเกาะสองเกาะในทะเลแคริบเบียน
รัสเซียแบน Telegram ในปี 2018 แต่การเข้าถึงแพลตฟอร์มในประเทศนั้นแทบไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ต่อมาในปี 2020 ก็ได้ยกเลิกการแบนดังกล่าว ในขณะเดียวกัน ความนิยมของ Telegram ยังกระตุ้นให้ทางการยุโรป รวมถึงฝรั่งเศส ดำเนินการสอบสวนข้อกังวลด้านความปลอดภัยและการละเมิดข้อมูล ขณะที่หน่วยงานกำกับดูแลด้านเทคโนโลยีของสหภาพยุโรป ยืนยันเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้วว่าได้ติดต่อกับ Telegram เพื่อหารือเกี่ยวกับการปฏิบัติตามกฎหมายควบคุมเนื้อหาของสหภาพยุโรป
รัสเซียส่งสัญญาณ ส่อร้าวหนัก หลังฝรั่งเศสปัดเจรจา
ที่น่าสนใจคือ รัสเซียให้ความสนใจสถานการณ์ของดูรอฟอย่างน่าประหลาดใจหลังจากที่เขาถูกเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศส ควบคุมตัว โดยสถานทูตรัสเซียในฝรั่งเศสกล่าวว่ากำลังดำเนินการเพื่อขอเจรจากับฝรั่งเศสทันทีเพื่อชี้แจงสถานการณ์ดังกล่าว
โดยสถานทูตรัสเซียในปารีสกล่าวกับสำนักข่าว RIA Novosti “เราได้ขอให้ทางการฝรั่งเศสอธิบายเหตุผลในการกักขังทันที และเรียกร้องให้ปกป้องสิทธิของเขา และอนุญาตให้เข้าถึงสถานกงสุล จนถึงขณะนี้ ฝ่ายฝรั่งเศสปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือในประเด็นนี้”
สถานทูตรัสเซียประจำฝรั่งเศสระบุผ่านช่องทาง Telegram อย่างเป็นทางการว่า “จนถึงขณะนี้ ฝ่ายฝรั่งเศสยังคงหลีกเลี่ยงความร่วมมือในประเด็นนี้” นอกจากนี้ สถานทูตยังยืนยันอีกว่าทนายความของดูรอฟกำลังติดต่อกับเจ้าหน้าที่อยู่
ในขณะเดียวกัน แคมเปญออนไลน์ต่างๆ ยังคงดำเนินต่อไปเพื่อสนับสนุนนายดูรอฟ แม้แต่มหาเศรษฐีด้านเทคโนโลยีอย่างอีลอน มัสก์ ก็ยัง เคยโพสต์บทสัมภาษณ์นายดูรอฟกับ ทักเกอร์ คาล์ลสัน ในประเด็นพื้นที่เสรีในการแสดงความคิดเห็น โดยไม่ถูกครอบงำโดยหน่วยงานรัฐบาล โดยใช้แฮชแท็กว่า #FreePavel
“ชาวฝรั่งเศสยังคงต่อสู้เพื่อ 'เสรีภาพในการพูด' และ 'ค่านิยมของยุโรปจะต้องเดินต่อไป” อังเดรย์ คลีชาส สมาชิกรัฐสภารัสเซีย เขียนบนเทเลแกรม
ขณะที่ นายมิคาอิล อุลยานอฟ เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำองค์กรระหว่างประเทศในกรุงเวียนนา ยังได้ชี้ให้เห็นด้วยว่า การกักขังดูรอฟเป็นตัวอย่างของ “แนวโน้มเผด็จการที่น่าตกใจมากในประเทศต่างๆ ที่เคยเรียกตัวเองว่าประชาธิปไตย”
สถานการณ์ดังกล่าวยังดึงดูดความสนใจของอดีตประธานาธิบดีรัสเซีย ดมิทรี เมดเวเดฟ ซึ่งเขียนข้อความใน Telegram (แปลจากภาษารัสเซีย) ว่า “เขาคิดว่าปัญหาใหญ่ที่สุดของเขาอยู่ที่รัสเซีย จึงออกจากรัสเซียไป จากนั้นจึงไปขอสัญชาติ/ใบอนุญาตพำนักในประเทศอื่นๆ ด้วย เขาอยากเป็น ‘บุรุษของโลก’ ที่ชาญฉลาดและใช้ชีวิตอย่างสุขสบายโดยไม่ต้องมีบ้านเกิด”
“เขาคิดผิด สำหรับศัตรูร่วมของเราทั้งหมด เขาก็เป็นชาวรัสเซีย ดังนั้นเขาจึงคาดเดาไม่ได้และอันตราย… ในที่สุด ดูรอฟก็ต้องเข้าใจว่าปิตุภูมิไม่ได้ถูกเลือกเช่นเดียวกับยุคสมัย” เมดเวเดฟกล่าวทิ้งท้าย