ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ เดินเกมรุกเร่งขยายอาณาเขต รับงานนอกนิคมอุตสาหกรรม WHA พร้อมตอกย้ำเดินหน้าการดำเนินงานด้านความยั่งยืนโดยใช้พลังงานทางเลือกซึ่งเป็นพลังงานสะอาดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ล่าสุดผนึกกำลัง "เอส พี เอ็ม อาหารสัตว์" และ "เอพีเอ็ม อะโกร" ร่วมลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ติดตั้งโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ 3 โครงการ เริ่มจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบภายในปี 2025
นายสมเกียรติ เมสันธสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ “WHAUP” เปิดเผยว่า WHAUP ร่วมลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับบริษัท เอส พี เอ็ม อาหารสัตว์ จำกัด และบริษัท เอพีเอ็ม อะโกร จำกัด เพื่อพัฒนาและดำเนินการติดตั้งโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ 3 โครงการ มีขนาดการผลิตไฟฟ้ารวมกว่า 9 เมกะวัตต์ ภายใต้เม็ดเงินลงทุน 200 ล้านบาท และคาดว่าจะเริ่มจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบได้ภายใน 2025 โดยแบ่งเป็น
1.โครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เหนือผิวน้ำ (Solar Floating) ขนาดกำลังผลิตไฟฟ้า 3.51 เมกะวัตต์
2.โครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนพื้นดิน (Solar Farm) ขนาดกำลังผลิตไฟฟ้า 1.066 เมกะวัตต์
3.โครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนพื้นดิน (Solar Farm) และพื้นที่จอดรถ (Solar Carpark) ขนาดกำลังผลิตไฟฟ้ารวม 4.395 เมกะวัตต์
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวเป็นการดำเนินการด้านพลังงานหมุนเวียนในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารสัตว์และปศุสัตว์รายใหญ่ระดับประเทศ ที่อยู่ภายนอกนิคมอุตสาหกรรมของ WHA Group ตอกย้ำการดำเนินงานเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน
สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นการต่อยอดธุรกิจด้านพลังงานทางเลือกและพลังงานสะอาดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่จะตอบสนองต่อการเพิ่มคุณค่าทางธุรกิจ และสถานการณ์โลกที่มีความเกี่ยวข้องกับการใช้พลังงานอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต รวมทั้งทำให้บริษัท เอส พี เอ็ม อาหารสัตว์ จำกัด และบริษัท เอพีเอ็ม อะโกร จำกัด สามารถลดค่าใช้จ่ายค่าไฟฟ้าได้ ทั้งนี้ภายหลังจากการเซ็นสัญญากับทั้ง 2 บริษัทส่งผลให้ WHAUP มีกำลังการผลิตไฟฟ้าสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 932 เมกะวัตต์ จากโรงไฟฟ้าทุกประเภท โดยเป็นพลังงานแสงอาทิตย์แบบ Private PPA และสัญญากับภาครัฐ รวมเป็นจำนวน 381 เมกะวัตต์
นายสรพหล นิติกาญจนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอส พี เอ็ม อาหารสัตว์ จำกัด และ บริษัท เอพีเอ็ม อะโกร จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจด้านอาหารสัตว์และปศุสัตว์ครบวงจรอันดับต้นๆ ของประเทศ เปิดเผยว่า การร่วมมือกับ WHAUP ในครั้งนี้จะเป็นการนำเอาเทคโนโลยีด้านพลังงานสะอาดเข้ามาช่วยสนับสนุนในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารสัตว์และปศุสัตว์ รวมถึงยังช่วยลดการใช้พลังงานจากการเผาไหม้ และลดค่าใช้จ่ายในระยะยาวให้กลุ่มบริษัทได้มูลค่ากว่า 233 ล้านบาท ตลอดช่วงระยะสัญญา
“กลุ่มบริษัทยึดหลักการดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อสร้างความแตกต่างอย่างยั่งยืน โดยปัจจุบัน สินค้าของบริษัทสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 กลุ่มหลักๆ คือ อาหารสัตว์เศรษฐกิจ เช่น สุกร สุกรขุนมีชีวิตและสายพันธุ์สุกร อาหารไก่ อาหารปลา อาหารวัว อาหารจิ้งหรีด อาหารเป็ด เนื้อสัตว์อนามัย และปุ๋ยอินทรีย์-ชีวภาพ โดยกระบวนการผลิตของบริษัททั้งหมดจะถูกควบคุม ตามหลักการของระบบมาตรฐานสากล หรือ ISO เช่น GMP และ ISO9001 พร้อมทั้งให้ความสำคัญในการรักษาสภาพแวดล้อม โดยมุ่งเน้นเป็นองค์กรสีเขียวที่ให้ความสำคัญในการใช้พลังงานสะอาดซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า ด้วยการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ที่เป็นพลังงานสะอาด ติดตั้งครอบคลุมพื้นที่ของโรงงานบริษัททั้ง 3 แห่ง ตั้งอยู่ในจังหวัดราชบุรี ซึ่งสามารถลดการใช้พลังงานได้ประมาณ 20-30% จากการทำงาน 24 ชั่วโมงต่อวัน หรือคิดเป็นผลประหยัดโดยมีมูลค่าเฉลี่ย 25 ล้านบาทต่อปี ตลอดช่วงระยะสัญญารวมถึงลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 150,000 ตัน ใน 25 ปี”