“ฟังก์ชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล” ตุนรายได้ครึ่งปีแรกปี 67 ที่ 422.66 ล้านบาท เดินหน้าขยายธุรกิจ เซ็น MOU ศึกษาร่วมทุนระบบกรองน้ำยักษ์ใหญ่จากจีน หนุนการเติบโตระยะยาว
ดร.วิกร ภูวพัชร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟังก์ชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ FTI เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 บริษัทมีรายได้รวม 422.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.73ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 399.93 ล้านบาท ซึ่งในช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทคาดว่ารายได้จะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จากการที่บริษัทเดินหน้าในการร่วมมือกับพันธมิตรในการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดบริษัทได้ลงนามในบันทึกความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ หรือ MOU เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ และแผนธุรกิจของโครงการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับ ANGEL HEALTH TECHNOLOGY PRIVATE LIMITED หรือ ANGEL ซึ่งเป็นบริษัทจัดตั้งตามกฎหมายประเทศสิงคโปร์ และมีบริษัทแม่ตั้งอยู่ที่เมืองเซินเจิ้น สาธารณรัฐประชาชนจีน
โดย ANGEL เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านระบบกรองน้ำระดับไฮเอนด์ ที่มีประสบการณ์กว่า 37 ปี มีจำนวนช่องทางจำหน่ายผ่านร้านค้ามากกว่า 10,000 แห่งใน 65 ประเทศทั่วโลก ส่งมอบสินค้าให้ลูกค้าทั่วโลกไปแล้วกว่า 200 ล้านราย โดยฐานการผลิตที่เมือง Shaoxing มีพื้นที่ประมาณ 6 ล้านตารางเมตร นับเป็นโรงงานผลิตที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพในการขยายธุรกิจค้าปลีกระบบกรองน้ำให้กับ FTI
นอกจากนี้ FTI ยังได้บรรลุข้อตกลงความร่วมมือ หรือ MOU ในการร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัท บีพีเอส เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ BPS เพื่อรองรับการพัฒนาเทคโนโลยีการอยู่อาศัยอย่างครบวงจร ซึ่งประกอบด้วย Green Home Technology, Green Home Energy, Green Home Architecture โดย FTI ตกลงให้การสนับสนุน BPS ทั้งด้านการตลาด และผลิตภัณฑ์ Green Home Solutions สำหรับโครงการที่อยู่อาศัย และเรื่องราคาของผลิตภัณฑ์ดังกล่าว เพื่อให้ BPS สามารถแข่งขันและขยายกลุ่มลูกค้าไปยังกลุ่มที่อยู่อาศัย หรือ B2C และสามารถต่อยอดการขยายธุรกิจร่วมกันได้ต่อไปในอนาคต
ในขณะเดียวกัน บริษัทยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจในทุกมิติตามกลยุทธ์ที่ได้วางไว้เพื่อสร้างการเติบโตของรายได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มกำลังการผลิต และขยายพื้นที่คลังสินค้า โดยปรับปรุงกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 30% ซึ่งปัจจุบันสามารถช่วยลดระยะเวลาในการผลิตระบบกรองน้ำพิเศษสำหรับอุตสาหกรรมเชิงพาณิชย์ให้เหลือเพียง 28.5 วัน ทำให้ลดต้นทุนในการผลิต สร้างโอกาสในการแข่งขันด้านราคา และทำกำไรให้เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งตั้งแต่เดือนมกราคมถึงกรกฎาคมของปี 2567 บริษัทสามารถลดต้นทุนในการผลิตลงได้ราว 4.5 ล้านบาท รวมถึงโครงการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป 5.5 เมกะวัตต์ สามารถผลิตไฟฟ้าได้กว่า 270,000 กิโลวัตต์ต่อปี ซึ่งตั้งแต่มีการติดตั้งในปี 2566 จนถึงเดือนกรกฎาคม 2567 สามารถลดต้นทุนด้านพลังงานได้ 1.43 ล้านบาท
ในขณะที่แผนการขยายธุรกิจสำหรับปี 2567-2569 บริษัทมีแผนที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ระบบกรองน้ำใหม่อีกกว่า 15 ผลิตภัณฑ์ ครอบคลุมการให้บริการทั้งลูกค้าครัวเรือน เชิงพาณิชย์ และอุตสาหกรรม การขยายสาขา Water Stores เพิ่มเป็น 24 สาขา เพื่อขยายกลุ่มลูกค้าขายส่งเพื่อผู้ประกอบอาชีพระบบกรองน้ำ และครัวเรือนทั่วไป การขยายสาขา Aquatek Shops เป็น 50สาขา เพื่อขยายกลุ่มลูกค้าครัวเรือนระดับ High End การสนับสนุนทางด้านการตลาดผ่านช่องทางออฟไลน์ และออนไลน์ การใช้สื่อโฆษณาออนไลน์ รวมถึงการจัดโครงการอบรมผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ประกอบการ และตัวแทนจำหน่ายทั้งรายเก่า และรายใหม่ทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขันให้สูงขึ้น