ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ในปี 2567 จะหดตัวลง 5.5% ต่ำกว่าประมาณการเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 1.0-2.0% โดยในครึ่งแรกปี 2567 สินเชื่อเช่าซื้อยานยนต์ในระบบแบงก์ไทยหดตัว 6.2% YoY สอดคล้องกับยอดขายรถยนต์ใหม่ในปีนี้ที่คาดว่าจะลดลงจากสมมติฐานเดิม มาอยู่ที่ประมาณไม่เกิน 600,000 คัน ขณะที่ผลจากหลายปัจจัยที่กดดันกำลังซื้อและความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้ รวมไปถึงปัญหารายได้ ภาระหนี้ครัวเรือนที่สูง และมาตรการดูแลการปล่อยสินเชื่อของผู้กำกับดูแลที่ยังมีความเข้มงวด เช่น Responsible Lending
ด้านสัดส่วนสินเชื่อ Stage 2 และสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ต่อสินเชื่อเช่าซื้อโดยรวมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นไปที่ 18% ในปี 2567 จาก 17.35% ในไตรมาส 2/2567 โดยเป็นการเร่งตัวขึ้นทั้งในส่วนของสัดส่วนสินเชื่อ Stage 2 มาที่ 15.09% และสัดส่วน NPL มาที่ 2.26% จากสัดส่วนสินเชื่อ Stage 2 ที่ 14.49% และสัดส่วน NPL ที่ 2.14% ในไตรมาสแรกตามลำดับ เนื่องจากสถานการณ์รายได้ในภาพรวมของกลุ่มลูกหนี้รายย่อยยังน่าจะไม่ดีขึ้น สวนทางกับภาระค่าใช้จ่าย หรือภาระการชำระหนี้ที่ยังอยู่ในระดับสูง ดังนั้น ผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อจึงยังน่าจะเน้นกลุ่มลูกค้าศักยภาพที่มีรายได้ระดับกลางและบน และสินเชื่อจำนำทะเบียน โดยเฉพาะแบบโอนความเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในรถ ขณะที่เพิ่มความระมัดระวังกับสินเชื่อรถมือสอง
สำหรับครึ่งแรกของปี 2567 สินเชื่อเช่าซื้อยานยนต์หดตัว 6.2% YoY จากข้อมูลธนาคารพาณิชย์ที่จดทะเบียนในไทย ตามฐานข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งครองส่วนแบ่งตลาดเช่าซื้อในภาพรวมประมาณ 65% หรือประมาณ 2 ใน 3 ของระบบนั้น พบว่า สินเชื่อเช่าซื้อ ณ สิ้นไตรมาสที่ 2/2567 หดตัว 6.2% จากระยะเดียวกันของปีก่อน (YoY) ซึ่งหดตัวลึกลงจากไตรมาสแรกที่หดตัว 3.0% YoY ขณะที่ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ยอดคงค้างสินเชื่อเช่าซื้อลดลงจาก ณ สิ้นปี 2566 ประมาณ 5.77 หมื่นล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการชำระคืนหนี้ตามงวดผ่อนชำระของยอดสินเชื่อเดิมในอัตราที่เร็วกว่ายอดจัดสินเชื่อใหม่ที่คาดว่าจะลดลงตามยอดขายรถใหม่ที่หดตัว 24.2% YoY ในครึ่งปีแรก
ทั้งนี้ ในระยะที่เหลือของปี 2567 แนวโน้มสินเชื่อเช่าซื้อคาดว่าจะยังคงภาพการหดตัวต่อเนื่อง โดยผลบวกจากยอดขายรถ BEV ต่อสินเชื่อเช่าซื้อปีนี้มีจำกัด แม้ในปี 2567 ยอดขายรถ BEV จะเป็นตัวแปรสำคัญในการช่วยดันยอดขายรถในภาพรวมด้วยส่วนแบ่งต่อยอดขายรวมที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะ 11.7% เทียบกับ 9.5% ในปี 2566 อย่างไรก็ตาม การตีตลาดของรถ BEV จากค่ายรถต่างประเทศที่ราคาต่ำลง ทำให้ผู้ซื้อบางส่วนเลื่อนการตัดสินใจซื้อรถใหม่ออกไป ทำให้สินเชื่อเช่าซื้อไม่ได้อานิสงส์จากยอดขายรถ BEV มากดังที่ควรจะเป็น
ข้อสังเกตเพิ่มเติม คือ การก่อหนี้รถไม่ใช่หนี้ประเภทเดียวที่ผู้กู้มีในปัจจุบัน ผู้กู้จึงอ่อนไหวต่อเหตุการณ์ไม่คาดคิดมากขึ้น ซึ่งอาจกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ และอาจทำให้สถานการณ์ยึดรถยังน่าจะอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง ทั้งนี้ จากแบบสอบถามของศูนย์วิจัยกสิกรไทยในช่วงระหว่างเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2567 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ที่มีสินเชื่อเช่าซื้อมักมีหนี้มากกว่า 1 ประเภท โดยเฉลี่ยแล้วมีหนี้อยู่ประมาณ 2.66 ผลิตภัณฑ์ และประมาณ 19.0% ของผู้ตอบแบบสอบถามที่มีสินเชื่อเช่าซื้อเป็นผู้ที่น่าจะเคยมีปัญหาการชำระหนี้ เพราะเคยผ่านการปรับโครงสร้างหนี้มาแล้ว
มาตรการดูแลการปล่อยสินเชื่อ เช่น มาตรการการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) ซึ่งในกรณีของสินเชื่อใหม่ ผู้ให้บริการโดยเฉพาะสถาบันการเงินที่อยู่ภายใต้การกำกับของ ธปท. จะต้องคำนึงถึงรายได้คงเหลือจากการชำระหนี้ในแต่ละเดือนให้มีเพียงพอต่อการดำรงชีพ ขณะที่ในกรณีของลูกหนี้ที่มีสัญญาณว่าจะมีปัญหาและไม่เคยปรับโครงสร้างหนี้มาก่อน ผู้ให้บริการจะต้องเสนอแผนปรับโครงสร้างหนี้ 2 ครั้งตามแนวทางที่กำหนด ซึ่งแม้จะดีกับลูกหนี้ แต่ก็เพิ่มกระบวนการให้ผู้ให้บริการ นอกจากนี้สินเชื่อเช่าซื้อที่ผ่านกระบวนการปรับโครงสร้างหนี้ที่ทยอยเพิ่มสูงขึ้นเป็นสัญญาณเตือนให้สถาบันการเงินต้องเพิ่มความระมัดระวังต่อความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับปัญหาคุณภาพหนี้ในระยะข้างหน้า
ภาพตลาดสินเชื่อเช่าซื้อหลังจากนี้ ผู้ให้บริการมีแนวโน้มให้น้ำหนักกับลูกค้าที่มีรายได้ตั้งแต่ 30,000 บาท หรือ 50,000 บาทขึ้นไปมากขึ้น โดยลูกค้ารถ BEV ยังเป็นกลุ่มเป้าหมายที่น่าสนใจ เนื่องจากลูกค้ามักอยู่ในเขตเมือง และมักซื้อรถ BEV เป็นรถคันที่ 2-3 เพื่อตอบโจทย์การเดินทางด้วยพลังงานทางเลือกที่ประหยัดขึ้นด้วย
ขณะที่ตลาดรถมือสองยังมีความเสี่ยงสูง จึงทำให้จะยังคงเห็นภาพการจัดไฟแนนซ์ด้วยวงเงิน (LTV) ที่ลดลง เพิ่มเงินดาวน์ หรือภาพที่เต็นท์รถเน้นให้ลูกค้าซื้อรถด้วยเงินสดมากขึ้น ดังนั้น ผู้ให้บริการสินเชื่อจึงอาจเลือกเพิ่มผลตอบแทนของพอร์ตในภาพรวม ด้วยการที่ยังคงให้น้ำหนักกับตลาดจำนำทะเบียน โดยเฉพาะแบบโอนความเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในรถ (โอนเล่ม) ที่มีความเสี่ยงต่ำกว่า ส่วนแบบไม่โอนเล่มแต่ใช้ทะเบียนรถเป็นประกัน (สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับประเภทที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน) คงต้องจับตาความเสี่ยงคุณภาพหนี้ที่เพิ่มขึ้น หลังจากที่ปัจจัยนี้ส่งผลทำให้ภาพรวมสินเชื่อกลุ่มนี้เติบโตชะลอลง โดย ณ สิ้นไตรมาสที่ 2/2567 สินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน (รวมแบงก์และนอนแบงก์) ขยายตัว 25.3% YoY ชะลอลงจาก 36.2% YoY ณ สิ้นปี 2566