เอเวอร์แลนด์ ลุยเปิดแนวราบเต็มอัตราศึก จ่อเปิดโครงการ Luxury Home เสิร์ฟลูกค้าครึ่งปีหลัง ทั้ง "ซิลเวอร์เลค วินด์" เฟส 3 และ 33 Residence มูลค่ารวม 726 ล้านบาท เตรียมที่ดินพัฒนาโครงการแนวราบระดับพรีเมียม พร้อมตั้งเป้าปีนี้เพิ่มสัดส่วนพอร์ตแนวราบเป็น 40-50% และปี 69 เป็น 55% ล่าสุดโชว์ Backlog กว่า 580 ล้านบาท สนับสนุนผลงานเติบโตแกร่ง ด้านผลงาน Q2 กวาดรายได้รวม 363 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% เทียบงวดเดียวกันกับปีก่อน อานิสงส์ทยอยรับรู้รายได้โครงการแนวราบแบรนด์ “มายโฮม และเอเวอร์ซิตี้”
นายสวิจักร์ โลจายะ ประธานกรรมการ บริษัท เอเวอร์แลนด์ จำกัด (มหาชน) (EVER) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์คอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ “เดอะ โพลิแทน” ทำเลย่านสนามบินน้ำ โครงการแนวราบ-บ้านเดี่ยว แบรนด์ “มายโฮม” ทำเลย่านสุวินทวงศ์ และโครงการแนวราบ-ทาวน์โฮม แบรนด์ “เอเวอร์ซิตี้” เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานสำหรับงวดไตรมาส 2/2567 (สิ้นสุด 30 มิถุนายน 2567) บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 363 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 77 ล้านบาท หรือ 27% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวมเท่ากับ 285 ล้านบาท ขณะที่งวด 6 เดือนของปี 2567 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 620 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 135 ล้านบาท หรือ 28% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวมเท่ากับ 485 ล้านบาท
ภาพรวมผลการดำเนินงานที่เติบโตต่อเนื่อง มาจากยอดขายที่บริษัทเปิดขายและทยอยโอนในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการแนวราบ ได้แก่ บ้านเดี่ยวแบรนด์ “มายโฮม” โครงการซิลเวอร์เลค วินด์ 1 และ 2 และโครงการ “เอวาริส-ราชพฤกษ์ตัดใหม่” จำนวน 128 ยูนิต ที่ทยอยโอนบางส่วน เป็นต้น นอกจากนี้ มาจากโครงการแนวสูงย่านสนามบินน้ำ ส่งผลให้ผลประกอบการเติบโตในทิศทางที่ดีขึ้น
“สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทยังให้ความสำคัญในการขยายโครงการแนวราบต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการเติบโตของกลุ่มตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบที่มีการเลือกซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง ประกอบกับการตอบรับที่ดีจากการเปิดขายโครงการแนวราบบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม ยอดขายยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะเห็นการเปิดขายบ้านเดี่ยวแบรนด์มายโฮม โครงการซิลเวอร์เลค วินด์ เฟส 3 จำนวน 31 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 1,300 ล้านบาท ซึ่งมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 5.99-15 ล้านบาทต่อแปลงในช่วงปลายไตรมาส 3 นี้ และการพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวจำนวน 33 ยูนิต ภายใต้โครงการ 33 Residence ที่บริษัทได้เข้าซื้อที่ดินจากสุวินทวงศ์ โกลด์ แอสเซ็ท มูลค่า 167 ล้านบาท โดยคาดว่าจะเริ่มพัฒนาโครงการในปลายไตรมาส 4 ปีนี้ และรับรู้รายได้ในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งจะเป็นโครงการที่มีความหรูหรา บ้านระดับพรีเมียม Luxury Home” นายสวิจักร์ กล่าว
สำหรับในปี 2567 คาดว่ารายได้จะเติบโตต่อเนื่องจากยอดขายโครงการต่างๆ เข้ามาสนับสนุน ทั้งแนวราบและแนวสูง โดยปัจจุบันมียอดขายรอโอน (Backlog) กว่า 580 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ปี 2567-2568 รวมทั้งอยู่ระหว่างการพิจารณาการนำที่ดินจำนวน 1 แปลง ในเขตพื้นที่ภาคตะวันออก เพื่อพัฒนาโครงการแนวราบระดับพรีเมียม นอกจากนี้ บริษัทยังตั้งเป้าภายในปีนี้จะเพิ่มสัดส่วนโครงการอสังหาฯ แนวราบเป็น 40-50% และในปี 2569 เพิ่มเป็น 55% จากปัจจุบันอยู่ในสัดส่วน 40%