"แสนสิริ" เผย Hyatt ผู้ประกอบการโรงแรมระดับโลก ยื่นข้อเสนอเข้าซื้อลงทุนใน Standard International เครือโรงแรม The Standard และ Bunkhouse คาดมูลค่าซื้อขายกว่า 335 ล้านดอลลาร์ สะท้อนความสำเร็จและวิสัยทัศน์การดำเนินธุรกิจ และเข้าลงทุนใน Future Growth Business หลัง "แสนสิริ" เข้าถือหุ้นใหญ่ Standard International ในปี 60 คาดได้ข้อสรุปปลายปีนี้
นายอุทัย อุทัยแสงสุข กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แสนสิริอยู่ระหว่างขั้นตอนการเจรจากับ Hyatt (ไฮแอท) ผู้ประกอบการโรงแรมระดับโลก เพื่อเข้าลงทุนใน Standard International เจ้าของเครือโรงแรม The Standard และ Bunkhouse ซึ่งคาดว่าการเจรจาเข้าลงทุนใน Standard International จะได้ข้อสรุปภายในปลายปี 2567 นี้ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาแสนสิริได้รับการติดต่อจากเชนโรงแรมขนาดใหญ่ระดับโลกหลายแห่ง ซึ่ง แสนสิริวิเคราะห์ว่ายังไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดี ภายหลังจากมีการพิจารณาถึงจังหวะโอกาส ปัจจัยพื้นฐาน สภาวะตลาด ตลอดจนนโยบายในการบริหารว่าสอดคล้องกับเป้าหมายและกลยุทธ์ที่แสนสิริกำหนดไว้ คือ การสร้างการเติบโตให้ Standard International ได้อย่างแข็งแกร่งและมีความมั่นคงในระยะยาว
“ปัจจุบัน โอกาสทางธุรกิจท่องเที่ยวทั่วโลกกลับมาขยายตัวอีกครั้ง จากนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ ส่งผลให้แนวโน้มความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวเริ่มฟื้นกลับ จึงถือว่าเป็นเวลาที่เหมาะสม มีโมเมนตัมเชิงบวกต่อภาพรวมของธุรกิจ”
สำหรับ การเข้าลงทุนซื้อกิจการ Standard International ของ Hyatt ครั้งนี้ จะส่งผลดีและสร้าง value added ต่อแสนสิริเป็นอย่างมาก เนื่องจาก Hyatt มีโครงสร้างพื้นฐานที่เข้มแข็งทั่วโลก โดยเฉพาะโปรแกรมสมาชิก World of Hyattที่ประกอบไปด้วยสิทธิพิเศษและข้อเสนอมากมาย จะเป็นส่วนสำคัญในการเสริมความแข็งแกร่งให้แก่พร็อพเพอร์ตี้ของแสนสิริ เนื่องจากดีลซื้อขายที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ แสนสิริยังคงเป็นเจ้าของพร็อพเพอร์ตี้ ประกอบไปด้วย The Standard Hua Hin, The Standard Residences Hua Hin, The Peri Hotel Hua Hin, The Peri Hotel, Khao Yai และ The Manner โรงแรมระดับลักชัวรีที่กำลังจะเปิดตัวในย่านโซโหของเมืองนิวยอร์กในเดือน ก.ย.67 ที่สำคัญ แสนสิริยังคงให้ความสำคัญกับธุรกิจ Hospitality และมองหาโอกาสในการลงทุนใหม่ๆ
ทั้งนี้ สัญญาจะซื้อจะขายดังกล่าวยังครอบคลุมสัญญาบริหารและแฟรนไชส์สำหรับโรงแรมมากถึง 21 แห่ง มีห้องรวมกันราว 2,000 ห้อง มีทั้งโรงแรมที่เปิดให้บริการอยู่แล้ว เช่น เดอะ สแตนดาร์ด ลอนดอน เดอะ สแตนดาร์ด ไฮไลน์ ในเมืองนิวยอร์ก เดอะ สแตนดาร์ดแบงค็อกมหานคร และโรงแรมบูติคอย่าง โฮเทล เซนต์ เซซิเลีย ในเมืองออสติน รัฐเทกซัส และโฮเทล ซาน คริสโตบัล ในเมืองบาฮากาลิฟอร์เนีย ประเทศเม็กซิโก
ทั้งนี้ หลังการบรรลุข้อตกลงตามสัญญาดังกล่าว Hyatt จะชำระค่าตอบแทนเริ่มแรกจำนวน 150 ล้านดอลลาร์ และเพิ่มเติมอีกสูงสุดไม่เกิน 185 ล้านดอลลาร์ รวมมูลค่ากว่า 335 ล้านดอลลาร์ สำหรับโรงแรมแห่งใหม่ที่เกิดขึ้นภายใต้การบริหาร โดย Hyatt
ขณะที่ผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปี 67 แสนสิริมีผลงานยอดขายที่โดดเด่นจากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของทางรัฐบาล ที่ทำให้ตลาดเริ่มกลับมามีสัญญาณบวก โดยสามารถสร้างยอดขายรวมได้ถึง 25,000 ล้านบาท คิดเป็น 48% ของเป้าทั้งปีที่ 52,000 ล้านบาท ทางด้านรายได้ ครึ่งปีแรกทำได้ร่วม 20,000 ล้านบาท คิดเป็น 47% ของเป้าทั้งปีที่ 43,000 บาท โตขึ้น 8% จากปีก่อน และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,700 ล้านบาท