TIA เปิดผลประเมิน AGM Checklist ปี 2567 พบ 280 บจ.คว้าคะแนนเต็มร้อย! ดีขึ้น 21% เทียบปีก่อน ขณะที่มี 4 บริษัท ทำคะแนนเต็มร้อยติดต่อกัน 17 ปี ขณะที่มีผู้ถือหุ้นเข้าร่วมประชุมแค่ 1.56 แสนราย จากจำนวนผู้ถือหุ้นทั้งหมดกว่า 8 ล้านรายใน 808 บริษัท วอนผู้ถือหุ้นให้ความสำคัญเข้าประชุมเพราะเป็นเวทีที่สำคัญต่อการสื่อสารปีละครั้ง ระหว่างผู้บริหาร และผู้ถือหุ้น ในโลกการลงทุนที่เปลี่ยนไป
นายยิ่งยง นิลเสนา นายกสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย (TIA) องค์กรตัวแทนผู้ถือหุ้นรายบุคคล ทำหน้าที่สนับสนุนการพัฒนาตลาดทุน เพื่อความยั่งยืน ที่อยู่คู่ตลาดทุนไทยมากว่า 35 ปี เปิดเผยว่า การประเมินการจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ปี 2567 หรือ AGM Checklist ปี 2567 ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งมีจำนวน 808 บริษัท และจัดที่จัดประชุมภายใน 30 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา โดยเน้นในมิติของการเปิดเผยข้อมูล และการให้ความเท่าเทียมกันของผู้ถือหุ้นเป็นสำคัญ และในการทำการประเมินปีนี้นั้นมี บจ.จำนวน 280 บริษัทที่ได้รับคะแนนเต็มร้อย เพิ่มขึ้น 21.21% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนที่มี บจ.ที่ได้รับคะแนนเต็มร้อย จำนวน 231 บริษัท
"เป็นที่น่าชื่นชมมากที่มี บจ.4 บริษัทที่ได้รับคะแนนเต็มร้อยติดต่อกันเป็นเวลา 17 ปี ซึ่งประกอบด้วย OCC, PG, TIPH และ TK" นายยิ่งยง กล่าว
นางสิริพร จังตระกุล เลขาธิการสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย (TIA) กล่าวว่า จากข้อมูลภาคสนามที่มีนัยสำคัญ จากประเมินโครงการ "การประเมินการจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ปี 2567" ซึ่งดำเนินการโดย TIA มี 9 ประเด็นสำคัญดังนี้ คือ
- บริษัทจดทะเบียนที่ทำการประเมิน จำนวน 808 บริษัท มีบริษัทที่สามารถทำคะแนนเต็มร้อย จำนวน 280 บริษัท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีคะแนนเต็มร้อย 231 บริษัท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 21
- มีการจัดประชุมผ่านระบบ Online ราวร้อยละ 57จัดแบบ Physical ร้อยละ 36 และแบบ Hybrid ร้อยละ 7
- จำนวนผู้ถือหุ้นรวมกันทุกบริษัทจดทะเบียน ราวกว่า 8 ล้านราย มีผู้ถือหุ้นเข้าร่วมประชุม เพียง 156,000 ราย หรือร้อยละ 1.93 (ลดลง จากร้อยละ 4 ก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19)
- ค่าเฉลี่ยของเวลาในการประชุมราว 1.30 ชั่วโมง (นานสุดราว 4 ชั่วโมง และเร็วสุดราว 25 นาที)
- บริษัทจดทะเบียนที่ทำคะแนนเต็มร้อยต่อเนื่อง 17 ปี มี 4 บริษัท ได้แก่ OCC, PG, TIPH และ TK
- จุดยืน 4 ข้อของ TIA ในฐานะองค์กรตัวแทนผู้ลงทุนรายบุคคล พบสถิติว่า มีประเด็นจากผู้สอบบัญชี 28 บริษัท มีวาระจร 3 บริษัท มีกรรมการอิสระที่นั่งนานเกิน 9 ปี 227 บริษัท และมีการเพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) 40 บริษัท
- มีผู้บริหารระดับสูงไม่เข้าร่วมประชุม ได้แก่ ประธานบริษัท 30 บริษัท ประธานกรรมการตรวจสอบ 23 บริษัท CEO 5 บริษัท CFO 15 บริษัท และผู้สอบบัญชี 3 บริษัท
- การจัดประชุมผ่านระบบ Online พบว่า ผู้ถือหุ้นสามารถเข้าพบเห็นคำถามของผู้ถือหุ้นคนอื่นๆ ในระบบได้ จำนวนเพียง 45 บริษัท นอกนั้นจะเห็นเฉพาะคำถามของตัวเองที่ส่งเข้าระบบเท่านั้น
- มีเพียง 22 บริษัทจดทะเบียนที่รับคำมั่นว่า ในการจัดประชุมครั้งต่อไปจะเป็นการจัดประชุมแบบ Hybrid จากปี 2567 มีการจัดประชุมแบบ Hybrid จำนวน 54 บริษัท
อย่างไรก็ตาม สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทยมีข้อสังเกต ว่า การจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นมีความสำคัญต่อการสื่อสารระหว่างผู้บริหาร และผู้ถือหุ้นปีละครั้งและโลกการลงทุนที่เปลี่ยนไป ทุกคนต้องมีการปรับตัว รวมถึงผู้ถือหุ้นควรต้องเรียนรู้ชีวิตออนไลน์ ศึกษาข้อมูลในการลงทุน รู้เท่าทันโลกยุคดิจิทัล ขณะที่ในส่วนของผู้บริหารควรต้องมีความจริงใจ มีธรรมาภิบาลในการทำธุรกิจ สำหรับในส่วนของหน่วยงานกำกับจะต้องมีความเข้มแข็ง มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง จะช่วยสนับสนุนให้ตลาดทุนไทยเดินทางคู่ขนานไปกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยได้อย่างยั่งยืน