พิษ ศก. 'เศรษฐีภูธร' ชะลอสร้างบ้านหรู ลูกค้ากันเงินทำธุรกิจ-แบงก์ปล่อยไม่เต็มวงเงิน

ยักษ์ใหญ่ในธุรกิจรับสร้างบ้านหรู "มาสเตอร์ แปลน 101" ชี้เศรษฐีภูธรเริ่มกังวลภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ขอเลื่อนเซ็นสัญญาปลูกสร้างบ้านไปปี 68 บางรายหนักถึงขั้นขอหยุดก่อสร้างบ้านในช่วง 4-5 เดือน เพื่อบริหารสภาพคล่อง ประเมินทิศทางเศรษฐกิจข้างหน้า พร้อมปรับกลยุทธ์ หันมาทำตลาดในกลุ่มราคาสร้างบ้าน 30 ล้านบาทลงมา ตลาดกลุ่มใหญ่แต่มีการแข่งขันสูง ระบุแบบบ้าน 'The Empire One หลังละ 1,000 ล้าน ปรากฏว่ามีเข้ามาชม แต่ยังไม่ตัดสินใจ

นายอนันต์กร อมรวาที กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสเตอร์ แปลน 101 จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจรับสร้างบ้านหรู ที่ดำเนินธุรกิจมาถึง 25 ปีเต็ม สร้างบ้านให้ลูกค้ารวม 300 หลัง มูลค่าสะสมกว่า 10,000 ล้านบาท เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวถึงภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านว่า จากแนวโน้มของภาพรวมทางเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวอย่างชัดเจน มีผลต่อเนื่องถึงยอดเซ็นสัญญาปลูกสร้างบ้านที่ชะลอตัวลง โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าในตลาดต่างจังหวัดก็ลำบากเช่นกัน ลูกค้าส่วนใหญ่มีความต้องการขอใช้สินเชื่อกับธนาคาร และเก็บเงินสดที่มีอยู่ เตรียมรองรับใช้ในดำเนินธุรกิจ แต่ด้วยภาวะทางเศรษฐกิจ ทำให้ธนาคารอาจพิจารณาเข้มงวด วงเงินที่ได้รับอาจจะไม่เต็มตามที่ลูกค้าต้องการ จึงมีการชะลอการเซ็นสัญญาปลูกสร้างบ้านออกไปในปี 2568 เพื่อรอความเชื่อมั่นจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ


"เราได้ติดตามลูกค้าอย่างใกล้ชิด ลูกค้าที่จะเซ็นสัญญากับเรา แต่ขอเลื่อนออกไปถึงปีหน้ามีหลากหลายธุรกิจ เช่น ทำธุรกิจบันเทิง ธุรกิจออนไลน์ เนื่องจากยอดขายตอนนี้ไม่ดี และธุรกิจที่ผลิตเครื่องทำน้ำแข็ง ซึ่งกลุ่มนี้มีความสนใจจะสร้างบ้านในราคาตั้งแต่ 50-100 ล้านบาท ส่งถึงยอดขายของเรา โดยมาสเตอร์ แปลน เร่งปรับตัว โดยมาเพิ่มสัดส่วนลูกค้าที่ต้องการสร้างบ้านราคาประมาณ 30 ล้านบาท ซึ่งเป็นตลาดฐานใหญ่ของพีระมิด และไปเน้นตลาดไฮเอนด์แพงๆ บนยอดพีระมิด เช่น บ้านหรูราคาเกิน 500 ล้านบาท ไปจนถึง 1,000 ล้านบาท" นายอนันต์กร กล่าว

นอกจากจะเลื่อนการตัดสินใจปลูกสร้างบ้านแล้ว บ้านของลูกค้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างบางรายได้ตัดสินใจชะลอการก่อสร้างออกไปก่อน เนื่องจากต้องการบริหารกระแสเงินสดที่มีอยู่ บางรายให้ชะลอก่อสร้างออกไปประมาณ 3-4 เดือน ซึ่งหากเกินกว่านี้ทางบริษัท มาสเตอร์ แปลนอาจมีความจำเป็นขยับราคาขึ้นประมาณ 5-10% ให้สอดรับกับราคาวัสดุก่อสร้าง

สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 สามารถสร้างผลงานได้ 500 ล้านบาท ซึ่งปกติฤดูกาลขายที่ดีจะอยู่ในช่วงครึ่งหลังของปี 67 โดยตลอดทั้งปีวางเป้าไว้ที่ 1,200 ล้านบาท เติบโตประมาณ 20% เมื่อเทียบกับปี 66 ที่ทำได้ 1,000 ล้านบาท
 
ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงความคืบหน้าโอกาสที่จะมีออเดอร์ปลูกสร้างบ้านหรูระดับ 1,000 ล้านบาท ที่เป็นแบบบ้าน 'The Empire One ' ว่า ยังครับ ยังครับ มีลูกค้าเข้ามาดูแบบบ้าน แต่ยังไม่มีการตัดสินใจอะไรเลย ซึ่งลูกค้าเป้าหมายจะมีทั้งนักธุรกิจระดับประเทศ นักธุรกิจคนรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จ และครอบครัวตระกูลใหญ่ รวมถึงลูกค้ากลุ่มที่มีทรัพย์สินมากกว่า 5,000 ล้านบาทขึ้นไป ที่เรียกว่า UHNWIs หรือกลุ่ม Ultra-high-net-worth individuals
 
ล่าสุด นายโอฬาร จันทร์ภู่ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (Home Builder Association : HBA) กล่าวว่า ในครึ่งปีแรก 2567 ตลาดรับสร้างบ้านชะลอตัวลง มียอดเซ็นสัญญาสั่งสร้างบ้านมูลค่ารวมลดลงอยู่ที่ 4,505 ล้านบาท หรือประมาณ 15% ในทุกระดับราคาบ้าน เมื่อเทียบกันครึ่งปีแรก 2566 ที่มียอดเซ็นสัญญาสั่งสร้างบ้าน มูลค่ารวม 5,300 ล้านบาท สะท้อนถึงสถานการณ์เศรษฐกิจที่ถดถอย และเป็นความท้าทายในการทำธุรกิจท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจที่มีหนี้ครัวเรือนสัดส่วนสูงถึง 91% ของจีดีพี นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค (ข้อมูลเฉลี่ย ม.ค.-ก.ค.67) อยู่ที่ระดับ 52.73% ในขณะที่ภาพรวมจีดีพีของประเทศไทยโตเพียง 1.5% เท่านั้น

"ตัวเลขหนี้ครัวเรือนปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลง นำไปสู่ภาวะการเลื่อนการตัดสินใจสร้างบ้านออกไปแบบไม่มีกำหนด อย่างไรก็ดี จากสถิติข้อมูลที่ผ่านมาของตลาดรับสร้างบ้าน พบว่าช่วงครึ่งหลังของทุกปีจะเป็นช่วงไฮซีซันของตลาดรับสร้างบ้าน จึงเป็นโอกาสที่ดีในการเร่งทำตลาดและกระตุ้นการตัดสินใจผู้บริโภคสั่งสร้างบ้านเร็วขึ้น กับการจัดงาน “รับสร้างบ้านและวัสดุ Expo 2024” ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 18-22 กันยายน 2567 ณ อิมแพค ฮอลล์ 6 เมืองทองธานี เพราะนอกจากได้รับทั้งส่วนลดที่บริษัทรับสร้างบ้านนำเสนอราคาพิเศษแล้ว ยังได้รับสินเชื่อสร้างบ้านอัตราดอกเบี้ยลดเพิ่มอีก 20 สตางค์ รวมทั้งข้อเสนอพิเศษต่างๆ"