หุ้นตัวเล็กที่เก็งกำไรกันร้อนแรงทยอยปิดฉากกันอย่างต่อเนื่อง ราคาหุ้นร่วงติดพื้น พร้อมปัญหาต่างๆ ที่โผล่ตามมา จนอนาคตกิจการมีความน่าเป็นห่วง และอาจไปไม่รอด โดยเฉพาะบริษัทจดทะเบียนที่หนี้สินพะรุงพะรัง
หุ้นร้อนตัวเล็กที่กำลังถูกจับล่าสุด ประกอบด้วย หุ้นบริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY หุ้นบริษัท อิ๊กดราซิล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ YGG และหุ้นบริษัท ซิก้า อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ZIGA
หุ้นขนาดเล็กทั้ง 3 บริษัทเคยติดอันดับหุ้นเก็งกำไรยอดนิยม โดยหุ้น SABUY เคยพุ่งขึ้นกว่า 30 บาท หุ้น YGG ถูกลากขึ้นไประดับ 10 บาท และ ZIGA เคยขยับขึ้นสูงสุดในรอบ 12 เดือนที่ 3.48 บาท
แต่ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา SABUY ลงมาปิดที่ 42 สตางค์ YGG ปิดที่ 81 สตางค์ และ ZIGA ปิดที่ 1.27 บาท
ในช่วงที่มีการเก็งกำไรร้อนแรง หุ้นทั้ง 3 บริษัทมีข่าวดีกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง ผลประกอบการดี มีกำไรเติบโต นักลงทุนรายย่อยเฮโลกันเข้าไปเล่นกันอย่างคึกคัก จนจำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อยเพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะ SABUY ซึ่งผู้ถือหุ้นรายย่อยมีจำนวนถึง 23,251 ราย
นักลงทุนที่เข้าไปซื้อหุ้นทั้ง 3 ตัวนี้ติดมือ และยังไม่ได้ขายออกต้องกระวนกระวาย ไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไร จะถือหุ้นต่อหรือยอมตัดขายขาดทุน
เพราะสถานการณ์บริษัทจดทะเบียนทั้ง 3 แห่งเปลี่ยนไป บางแห่งมีปัญหาฐานะการเงิน และมีหนี้ระยะสั้นรอชำระอยู่ บางแห่งเริ่มผิดนัดชำระหนี้ และบางแห่งกำลังถูกสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สอบสวนการทุจริต โดยโยกเงินของบริษัทไปซื้อทองคำเก็บไว้ที่บ้าน
ข่าวดีที่เคยถูกสร้างขึ้นมากระตุ้นการเก็งกำไรหุ้น SABUY YGG และ ZIGA หมดลงแล้ว มีแต่ข่าวร้ายที่กระหน่ำใส่จนราคาหุ้นดิ่งลงเหว
SABUY อยู่ในสภาพหุ้นที่ขาดเจ้าภาพ หลังนายชูเกียรติ รุจนพรพจี ผู้ถือหุ้นใหญ่ขายหุ้นออกเกือบหมดแล้ว และมีหนี้หุ้นกู้เกือบ 4,000 ล้านบาทจี้หลังอยู่ โดยมีหนี้หุ้นกู้ที่ครบกำหนดไถ่ถอนปีนี้ประมาณเกือบ 2 พันล้านบาท
แต่แผนการระดมทุนโดยการเพิ่มทุนมีแนวโน้มจะล่มเป็นครั้งที่สอง โดยล่าสุดประกาศเพิ่มทุนขายหุ้นให้บุคคลในวงจำกัด 1,610 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 1 บาท แต่บริษัท เอเจ แอดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AJA ออกมาประกาศยกเลิกการซื้อหุ้นเพิ่มทุน SABUY จำนวน 700 ล้านบาทแล้ว และผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ ก็คงถอนตัว
เพราะราคาหุ้นบนกระดานทรุดลงมาเหลือเพียง 42 สตางค์เท่านั้น จึงไม่มีเหตุผลในการซื้อหุ้นเพิ่มทุนในราคา 1 บาท
ถ้าการเพิ่มทุนครั้งที่ 2 ล้มพับเหมือนครั้งแรก SABUY อาจผิดนัดชำระหนี้ และจะเป็นข่าวร้ายชิ้นใหญ่ที่ดับอนาคตของบริษัทจดทะเบียนแห่งนี้
ส่วน YGG ก็อยู่ในสภาพขาดเจ้าภาพใหญ่เหมือนกัน เพราะนายธนัช จุวิวัฒน์ ผู้ถือหุ้นใหญ่สัดส่วน 41.14% ได้นำหุ้นไปวางเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันวงเงินสินเชื่อเพื่อซื้อหุ้น และถูกบังคับขายหุ้น หรือ FORCE SELL จนเหลือหุ้นอยู่ในมือไม่ถึง 1% ของทุนจดทะเบียน แต่ยังคงเป็นกรรมการบริษัทอยู่
YGG เพิ่งผิดนัดชระหนี้เงินกู้จากธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือ EXIM BANK โดยกู้เงินมา 9 ล้านบาท แต่เมื่อครบกำหนดชำระคืน จ่ายคืนได้เพียง 1 ล้านบาท ผลประกอบการครึ่งปีแรก 2567 ก็ย่ำแย่ขนาดหนัก ขาดทุนสุทธิ 347 ล้านบาท และเป็นอีกบริษัทจดทะเบียนที่สถานการณ์น่าห่วง
ส่วน ZIGA ก.ล.ต.กำลังตรวจสอบพฤติกรรมนายศุภกิจ งามจิตรเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัท จากการรายงานข้อมูลการขายเหรียญ utilities ที่บริษัทลูกออกขายที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง โดยอ้างว่าเงินจากการขายเหรียญและนำไปซื้อทองคำ ถูกบริษัทลูกยักยอกทองคำไป
แต่การตรวจสอบพบ นายศุภกิจ เป็นผู้นำเงินจากการขายเหรียญนำไปซื้อทอง และเก็บไว้ที่บ้านตนเอง
พฤติกรรมการบริหารที่ส่อความไม่โปร่งใสใน ZIGA และผู้บริหารที่กำลังถูกตรวจสอบปมการนำเงินบริษัทลูกไปซื้อทองคำเก็บไว้ที่บ้าน นำไปสู่การเทขายหุ้น ZIGA ทิ้ง จนราคารูด หลังจากเคยเป็นหุ้นที่มีการสร้างข่าวกระตุ้นราคาหุ้น จนนักลงทุนแห่เก็งกำไรอยู่ช่วงหนึ่ง
หุ้นตัวเล็กที่ปัจจัยพื้นฐานเปราะบาง แต่มีการสร้างข่าวกระตุ้นราคา หรือมีเจ้ามือมือปลุกราคาหุ้นอยู่เบื้องหลังกำลังทยอยกันล้มตาย สร้างความเสียหายนักลงทุนที่เข้าไปเล่น
แต่จะเสียมากเสียน้อย ขึ้นอยู่ว่าใครตัดสินใจได้เร็วกว่า ใครเผ่นหนีออกมาได้ก่อน
เพราะถ้าตัดสินใจช้า ลังเลรีรอด้วยความหวังลมๆ แล้งๆ ว่าหุ้นจะฟื้น อาจต้องเจ็บหนักเหมือนหุ้น SABUY YGG และ ZIGA