xs
xsm
sm
md
lg

กรุงศรี ฟินโนเวต-อีฟราสตรัคเจอร์ปั้นกองทุนใหม่ วงเงินราว 1,300 ล้านบาท หนุนสตาร์ทอัปรายเล็ก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กรุงศรี ฟินโนเวต ร่วมกับอีฟราสตรัคเจอร์ (Efra Structure) ผู้บุกเบิกและคร่ำหวอดในวงการอีคอมเมิร์ซไทย เตรียมปั้นกองทุนยักษ์ “ฟินโน อีฟรา ไพรเวท อิควิตตี้ ทรัสต์” (Finno Efra Private Equity Trust) มุ่งลงทุนในสตาร์ทอัปไทยและอาเซียน งบประมาณมหาศาลกว่า 1,300 ล้านบาท (หรือกว่า 35 ล้านเหรียญสหรัฐ) ภายในระยะเวลา 4 ปี เผยเริ่มพูดคุยกับสตาร์ทอัปที่น่าสนใจแล้วราว 5-6 บริษัท พ่วงด้วยการเปิด Accelerator Program อย่างเป็นทางการ เพื่อปั้นสตาร์ทอัประดับ Seed ถึง Pre-series A ให้เติบโตสู่ระดับ Series A ได้อย่างแข็งแกร่ง

นายแซม ตันสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด
ในเครือกรุงศรี กล่าวว่า กองทุน Finno Efra Private Equity Trust (Finno Efra) ที่จะเกิดขึ้นภายใต้ความร่วมมือกันของบริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด และบริษัท อีฟราสตรัคเจอร์ จำกัด เป็นกองทุนขนาดประมาณ 1,300 ล้านบาท (หรือประมาณ 35 ล้านเหรียญสหรัฐ) มุ่งลงทุนสตาร์ทอัปที่อยู่ในช่วง Seed ถึง Pre-series A เป็นหลัก เน้นลงทุนในกลุ่ม Impact & Digital Transformation โดยสัดส่วนการลงทุนส่วนใหญ่จะโฟกัสที่สตาร์ทอัปสัญชาติไทย คิดเป็นสัดส่วนราว 60% และที่เหลือจะเลือกลงทุนในสตาร์ทอัปประเทศต่างๆ ในอาเซียน ซึ่งเทคสตาร์ทอัปกำลังเติบโตอย่างเห็นชัดเจน โดยยอดการลงทุนในแต่ละดีลอยู่ที่ราว 8-40 ล้านบาทต่อกิจการ ซึ่งกรุงศรีฟินโนเซตมีแผนที่จะลงทุนในกองทุนดังกล่าว 200 ล้านบาท และเริ่มมีกองทุนจากประเทศในอาเซียนแสดงความสนใจเข้ามาลงทุนแล้ว 3-4 แห่ง

"Finno Efra เกิดขึ้นจากมุมมองและเป้าหมายเดียวกันของทั้ง 2 บริษัทคือ เราต้องการสร้างสตาร์ทอัปอีโคซิสเต็มของไทยให้แข็งแกร่งขึ้น และเมื่อมองย้อนกลับมาดูภาพรวมของสตาร์ทอัปอีโคซิสเต็มในประเทศไทยจะเห็นว่า Corporate Venture Capital หรือ CVC เป็นกลุ่มหลักที่ให้การสนับสนุนและเข้ามาลงทุนในอีโคซิสเต็มนี้ โดยบรรยากาศการลงทุนจะเน้นไปที่กลุ่ม Series A ขึ้นไปเป็นส่วนมาก สวนทางกับเทรนด์การลงทุนสตาร์ทอัปในต่างประเทศ รวมถึงประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ที่จะมุ่งให้การสนับสนุนสตาร์ทอัปตั้งแต่ระดับ Early Stage ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดันให้สตาร์ทอัปอีโคซิสเต็มเติบโตและแข็งแกร่งขึ้น มีสตาร์ทอัปรายใหม่ๆ เกิดขึ้น โดยมีระยะเวลาลงทุน 4 ปีๆละ 200-300 ล้านบาท และในปีนี้น่าจะได้ 100 ล้านบาทในกำหนดระยะเวลาเริ่มลงทุนได้ปลายไตรมาส3-ต้นไตรมาส4 ในจำนวนรวมประมาณ 50 บริษัท

นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรณ จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า บลจ.วรรณมีความพร้อมในการเตรียมนำเสนอขายกองทุนรวมที่มีนโยบายการลงทุนใน กองทุน Finno Efra Private Equity Trust ซึ่งเป็นกองทุนรวมแรกของประเทศไทยที่ลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัป Pre-Series A เพื่อรองรับความต้องการลูกค้าประเภทกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่พิเศษ (UI) ด้วยลงทุนขั้นต่ำเริ่มต้นเพียง 500,000 บาท โดยคาดว่าจะเปิดเสนอขายครั้งแรกพร้อมกองทรัสต์ อย่างไรก็ดี ขณะนี้กองทุนอยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ โดยคาดว่าจะ IPO ได้ช่วงต้นไตรมาส 4 ปีนี้

“การร่วมมือกันในครั้งนี้ถือเป็นการยกระดับตลาดทุนไทย และเพิ่มความหลากหลายให้สินทรัพย์ทางเลือก จากเดิมมักจำกัดอยู่ในตราสารทุน ตราสารหนี้ หรือสินค้าโภคภัณฑ์ อีกทั้งที่ผ่านมา บลจ.วรรณ มีความมุ่งมั่นที่จะนำร่องผลิตภัณฑ์การลงทุนรูปแบบใหม่ๆ มาโดยตลอด เพื่อให้ลูกค้ามีทางเลือกในการลงทุน และไม่พลาดโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจ” นายพจน์ กล่าว

นายภาวุธ พงษ์วิทยภานุ ประธานกรรมการและผู้ก่อตั้ง บริษัท อีฟราสตรัคเจอร์ จำกัด กล่าวว่า แนวทางในการลงทุนในสตาร์ทอัปนั้นจะโฟกัสที่กลุ่ม Fin tech,Ed tech, Health tech,Agri tech, Mobility tech และสตาร์ท อัปที่เกี่ยวข้องกับ Digital Transformers พร้อมกันนั้น สิ่งที่จะเกิดขึ้นคู่ขนานไปกับกองทุน Finno Efra คือ กรุงศรี ฟินโนเวต และอีฟราสตรัคเจอร์ จะร่วมกันทำ Finno Efra Accelerator Program เปิดโอกาสให้สตาร์ทอัปที่สนใจสมัครเข้ามาเรียนรู้ โดยเราจะใช้เครือข่าย ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญที่มีสร้างให้หลักสูตรนี้ครอบคลุมในทุกๆ มิติที่สำคัญสำหรับสตาร์ทอัป ออกแบบหลักสูตรให้สตาร์ทอัปที่เข้ามาได้พัฒนาศักยภาพของตนเองอย่างเต็มที่ โดย Finno Efra Accelerator Program จะใช้เวลาประมาณ 4 เดือน ในแต่ละรอบจะเปิดรับสตาร์ทอัปประมาณ 10 บริษัท และสตาร์ทอัปที่เข้าร่วมเรียนในหลักสูตรนี้จะมีโอกาสได้รับเงินลงทุนจากกอง Finno Efra และพบกับนักลงทุนรายอื่นๆ อีกด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น