นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ที่ระดับ 34.35-35.15 บาท/ดอลลาร์ และกรอบเงินบาทวันนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.45-34.70 บาท/ดอลลาร์ จากระดับเปิดเช้านี้ (19 ส.ค.) ที่ 34.59 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นมากจากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้าที่ระดับ 34.99 บาทต่อดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมาเงินบาททยอยแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง หลุดทั้งโซนแนวรับ 34.85 บาทต่อดอลลาร์ และโซน 35.00 บาทต่อดอลลาร์ที่เราประเมินไว้ (แกว่งตัวในกรอบ 34.55-35.02 บาทต่อดอลลาร์) โดยแม้ว่าเงินบาทจะมีจังหวะผันผวนอ่อนค่าลงบ้าง หลังรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯ ที่สำรวจโดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน (U of Michigan Consumer Sentiment) เดือนสิงหาคมออกมาดีกว่าคาด หนุนให้เงินดอลลาร์รีบาวนด์แข็งค่าขึ้นบ้าง ทว่าภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังคงสดใสจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้หนุนให้ผู้เล่นในตลาดเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงเพิ่มเติม ลดความน่าสนใจในการถือครองเงินดอลลาร์และกดดันให้เงินดอลลาร์ทยอยอ่อนค่าลง ทำให้เงินบาทได้แรงหนุนจากทั้งการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ และโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ หลังราคาทองคำ (XAUUSD) ทยอยปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจนทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ (ทะลุโซน 2,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์) นอกจากนี้ เรามองว่า การแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องของเงินบาทดังกล่าวอาจได้แรงหนุนจากการปรับสถานะ Short THB ของผู้เล่นในตลาดที่อาจโดน Stop Loss ไปได้ หลังเงินบาทได้แข็งค่าหลุดโซนแนวรับระยะสั้นลงมา
สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทแข็งค่าขึ้นตามโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ จังหวะอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ และความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองไทยที่ทยอยลดลง
สำหรับสัปดาห์นี้เราประเมินว่า ควรจับตารายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ยูโรโซน และญี่ปุ่น ที่อาจกระทบต่อมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายของเฟด ECB และ BOJ พร้อมรอลุ้นรายงาน GDP ไตรมาสที่ 2 และผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของไทย
สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า โมเมนตัมการแข็งค่ายังมีอยู่แต่อาจชะลอลงบ้าง ทำให้เงินบาทมีโอกาสผันผวนอ่อนค่าได้ หากการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีใหม่มีแนวโน้มล่าช้า กดดันฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติไหลออกต่อเนื่อง หรือราคาทองคำเริ่มกลับมาย่อตัวลง ซึ่งอาจเกิดขึ้นพร้อมจังหวะที่ทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยผันผวนสูงขึ้น
ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่าทิศทางเงินดอลลาร์จะขึ้นกับ 1) มุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด 2) บรรยากาศในตลาดการเงิน ซึ่งต้องจับตาสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง และ 3) ทิศทางบรรดาสกุลเงินหลัก โดยเฉพาะเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ที่อาจแข็งค่าขึ้นได้ หากผู้เล่นในตลาดเชื่อว่า BOJ จะสามารถขึ้นดอกเบี้ยต่อได้