สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานการแสดงความเห็นของนักวิเคราะห์เกี่ยวกับทิศทางตลาดหุ้นไทยและเงินบาท โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของความไม่แน่นอนทางการเมือง
ดัชนี SET ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงเมื่อวานนี้ (14 ส.ค.) และลดลงต่อเนื่องในวันนี้ (15 ส.ค.) สวนทางกับตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในเอเชียที่ดีดตัวขึ้น ขณะที่เงินบาทอ่อนค่าลง ซึ่งทำผลงานย่ำแย่กว่าสกุลเงินของประเทศเพื่อนบ้านในเอเชีย โดยตลาดหุ้นไทยและเงินบาทได้รับผลกระทบจากความวิตกกังวลว่า การบังคับใช้นโยบายของไทยอาจจะถูกเลื่อนออกไป หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีมติถอดถอนนายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากการเป็นนายกรัฐมนตรี
นักวิเคราะห์มองว่า ความกังวลเกี่ยวกับหนี้สินภาคครัวเรือนของไทยที่ปรับตัวสูงขึ้นและความน่าดึงดูดใจด้านการลงทุนยังคงเป็นปัจจัยที่ต้องจับตา เนื่องจากรัฐบาลไทยอาจจะยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้จนกว่าจะมีการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ โดยพรรคร่วมรัฐบาลซึ่งนำโดยพรรคเพื่อไทยมีแนวโน้มที่จะเสนอชื่อนายชัยเกษม นิติสิริ เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ นับเป็นการส่งสัญญาณถึงการเดินหน้านโยบายต่างๆ ที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงเอาไว้ ซึ่งรวมถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ต
นายคอชาล ลาด์ฮา นักวิเคราะห์จากบริษัทแมคควอรี ซิเคียวริตีส์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยได้รับผลกระทบจากคำตัดสินดังกล่าวของศาลรัฐธรรมนูญ และเมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนในขณะนี้ นายลาด์ฮาแนะนำให้นักลงทุนถือหุ้นในกลุ่มปลอดภัย เช่น กลุ่มเฮลท์แคร์และกลุ่มสื่อสารโทรคมนาคม
ขณะที่นายฟิลิป แมคนิโคลัส นักกลยุทธ์จากบริษัทโรเบโค สิงคโปร์ กล่าวว่า การที่นายเศรษฐาถูกถอดถอนจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อาจส่งผลให้โครงการดิจิทัลวอลเล็ตต้องถูกเลื่อนออกไป ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการเติบโตในระยะใกล้ของไทย
ทางด้านนางคริสทัล ตัน นักเศรษฐศาสตร์จากธนาคารออสเตรเลีย แอนด์ นิวซีแลนด์ แบงกิง กรุ๊ปกล่าวว่า "บรรยากาศการซื้อขายในตลาดได้รับผลกระทบจากข่าวการถอดถอนนายเศรษฐา เนื่องจากจะทำให้สถานการณ์การเมืองมีความไม่แน่นอนมากขึ้น และทำให้เศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะขาลงหากเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบและความล่าช้าในการบังคับใช้นโยบายเศรษฐกิจ โดยขณะนี้เรากำลังจับตาดูว่าไทยจะเผชิญกับภาวะสุญญากาศทางการเมืองหรือไม่"