รายย่อยตายหมู่หุ้น ALL-STARK-WORLD / สุนันท์ ศรีจันทรา

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยประกาศ เปิดให้ซื้อขายครั้งสุดท้าย หุ้นบริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ALL หุ้นบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK และหุ้นบริษัท เวิลด์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WORLD ก่อนเพิกถอนจากการเป็นบริษัทจดทะเบียน

การซื้อขายครั้งสุดท้ายหุ้น ALL STARK และ WORLD จะเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 23 สิงหาคม ไปจนถึงวันที่ 2 กันยายนนี้ ก่อนถูกเพิกถอนจากตลาดหุ้น เนื่องจากไม่ดำเนินการให้เหตุแห่งการเพิกถอนหมดไป

ALL ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ STARK เปิดเผยข้อมูลอันเป็นเท็จในงบการเงิน และ WORLD มีส่วนของผู้ถือหุ้นมีค่าน้อยกว่าศูนย์

ALL ถูกขึ้นเครื่องหมาย SP พักการซื้อขายตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 ราคาหุ้นปิดครั้งสุดท้ายที่ 3 สตางค์

STARK ถูกขึ้นเครื่องหมาย SP พักการซื้อขายตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2566 ราคาหุ้นปิดครั้งสุดท้ายที่ 2 สตางค์

และ WORLD ซึ่งเข้าจดทะเบียนตั้งแต่ปี 2537 ถูกขึ้นเครื่องหมาย SP พักการซื้อขายหุ้นตั้งแต่วันที่ 6 พฤษภาคม 2548 และพยายามยื่นขอกลับเข้ามาซื้อขายใหม่ แต่ตลาดหลักทรัพย์ไม่อนุมัติ จะผู้บริหารขู่จะฟ้องตลาดหลักทรัพย์ แต่สุดท้ายผู้บริหารบริษัทถูกสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษ ในความผิดทุจริต แสวงหาประโยชน์ใส่ตัว

การถูกตะเพิดพ้นตลาดหุ้น หมายถึงหุ้นทั้ง 3 ตัวคือ ALL STARK และ WORLD หมดสิ้นอนาคต โดยไม่อาจคาดหมายว่าการดำเนินงานจะเป็นอย่างไรต่อ บริษัทจะสิ้นสลายลงหรือไม่

และไม่มีใครรู้ว่า ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนแห่งใดล้มบนฟูกหรือไม่ โดยบริษัทอาจล้มละลายปิดกิจการ แต่ผู้บริหารกลับมีความมั่นคั่งร่ำรวย มีเงินเสพสุขลอดชีวิต

แต่ผู้ถือหุ้นรายย่อยต้องรับเคราะห์กรรม เงินที่นำมาลงทุนในหุ้น ALL STARK และ WORLD ในที่สุดจะมีค่าเป็นศูนย์ จนหมดเนื้อหมดตัวกันโดยถ้วนหน้า

ALL มีผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวน 7,453 ราย STARK มีผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวน 19,783 ราย และ WORLD มีผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวน 789 ราย รวม 3 บริษัทมีผู้ถือหุ้นรายย่อยทั้งสิ้น 28,025 ราย ทุกคนตกเป็นเหยื่อหุ้นเน่าทั้ง 3 บริษัท ซึ่งถูกปล่อยให้เข้ามาสร้างความเสียให้ประชาชนผู้ลงทุนในตลาดหุ้น

ราคาหุ้นทั้ง 3 บริษัท ก่อนถูกสั่งพักการซื้อขายร่วงลงมาต่ำเตี้ยเรี่ยดินแล้ว และผู้ถือหุ้นรายย่อยทั้งหมดคงทำใจ ยอมรับความสูญเสียไว้ล่วงหน้า โดยราคาคงเคลื่อนไหวเหลือไม่กี่สตางค์

บริษัทจดทะเบียนที่ถูกขับพ้นตลาดหุ้นในแต่ละราย หมายถึงการเกิดโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ในตลาดหุ้น แต่การขับ 3 บริษัทจดทะเบียนออกจากตลาดหุ้นพร้อมกัน 3 แห่งในครั้งนี้ เป็นโศกนาฏกรรมซ้ำซ้อนที่เกิดขึ้นในครั้งเดียว

และกลายเป็นอีกบทเรียนที่ไม่เพียงนักลงทุนเท่านั้นที่จะต้องพิจารณาทบทวน ก่อนตัดสินใจเลือกหุ้นที่จะลงทุน

เพราะถ้าไม่ศึกษาข้อมูลของบริษัทให้ละเอียดว่า เป็นกิจการที่ดี ธุรกิจมีแนวโน้มการเติบโตอย่างยั่งยืนหรือไม่

ไม่พิจารณาถึงพฤติกรรมผู้บริหารว่ามีความสามารถหรือไม่ มีธรรมาภิบาลหรือไม่ ก็อาจนำตัวเองเข้าไปสู่ความเสี่ยง ซื้อหุ้นเน่าๆ เข้ามาไว้ในมือได้

ก.ล.ต.ก็ต้องพิจารณาทบทวน การพิจารณาอนุมัติแบบคำขอกระจายหุ้นหรือแบบไฟลิ่งของบริษัทที่เตรียมเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นเหมือนกัน โดยตระหนักถึงความสูญเสียของประชาชนที่จองซื้อหุ้นที่ ก.ล.ต. อนุมัติเสนอขายหุ้น

โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นจากหุ้นที่ถูกตะเพิดพ้นตลาดหุ้น ก.ล.ต. มีส่วนรับผิดชอบในหายนะของนักลงทุนด้วย

และจะต้องไม่ปล่อยหุ้นเน่าๆ เข้ามาปล้นนักลงทุนอีก