Wall Street English แบรนด์สถาบันสอนภาษาอังกฤษระดับโลกที่อยู่คู่คนไทยมานานถึง 21 ปี จากปากต่อปาก จากรุ่นสู่รุ่น จากนักเรียนในอดีตเป็นผู้ปกครอง พ่อ แม่ อะไรทำให้วอลล์สตรีทยังเป็นที่ 1 เติบโตอย่างยั่งยืนตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงวันนี้ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดในยุคดิจิทัลที่เต็มไปด้วยแพลตฟอร์มและการสอนผ่านออนไลน์
"ดริ๊งค์" กิจชาญพิชญ์ สุกังวานวิทย์ กรรมการบริหาร บมจ.เวฟ เอกซ์โพเนนเชียล ผู้ถือหุ้นใหญ่ ผู้กุมบังเหียนบริษัท wave education group กับการดูแลธุรกิจการศึกษา ตั้งแต่ปี 2019 ผ่านวิกฤตโควิด สานต่อความยิ่งใหญ่ด้วยความเชื่อที่ว่า ธุรกิจการศึกษาต้องมาจากหัวใจ และความสำเร็จจะมาในช่วงเวลาที่เหมาะสม
“คุณดริ๊ง” กิจชาญพิชญ์ เล่าให้ฟังว่า เขาไม่ปฏิเสธหรือสวนกระแสดิจิทัล แต่สิ่งที่เขากำลังทำคือการโฟกัสในสิ่งที่นักเรียนต้องการตั้งแต่วันแรกที่เดินเข้ามาวอลล์สตรีท
วันนี้เราทำออนไลน์เท่าที่ต้องทำ เรามองว่าจริงๆ แล้ว ออนไลน์ไม่ใช่สิ่งที่ไม่ดี แต่ผมว่าการโฟกัสต่างกัน คนมีความแตกต่างกัน บางคนสามารถเรียนออนไลน์ได้บ้าง แต่หลักๆ เลยคืออยากมาเรียน มาจอย ไม่ใช่อยู่แต่ในบ้าน ออกมาสัมผัสประสบการณ์เจอครูต่างชาติ ซึ่งครูต่างชาติไม่จำเป็นว่าจะต้องสอนอย่างเดียว ผมเชื่อว่าประสบการณ์ที่ไม่สามารถหาจากที่อื่นคุณลองมาดูที่วอลล์สตรีทได้โดยเฉพาะช่วงปิดเทอมจะเจอนักเรียนตั้งกลุ่มพร้อมครูฝรั่งนั่งคุยกันเล่นเกมกัน ซึ่งถ้าเป็นยุคก่อนๆ อาจต้องไปเรียนต่างประเทศที่ค่าใช้จ่ายแพงกว่ามาก
“คนชอบคิดว่าเราถูกดิสรัปด้วยการเรียนออนไลน์ ผมก็ไม่เถียง แต่จริงๆ แล้ว สำหรับเรา สิ่งที่สำคัญไม่แพ้ หลักสูตรการเรียนการสอนคือ นักเรียนต้องการประสบการณ์จึงเป็นที่มาว่าทำไมเราต้องไปเรียนเมืองนอกตอนเด็กๆ หรือกระทั่งการเรียนต่อต่างประเทศในระดับปริญญาตรีและโท เพราะสิ่งที่เมืองไทยให้เราไม่ได้คือประสบการณ์ในการใช้ภาษาอังกฤษทุกวัน เราจะเห็นแบบนี้ในวอลล์สตรีทที่มีโซเชียลคลับช่วยสร้างประสบการณ์การใช้ภาษาอังกฤษถึงแม้จะเพียงแค่ 2 ชั่วโมงต่อวันก็ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก”
21 ปีวอลล์สตรีทจะสื่อสารกับคุณรุ่นใหม่อย่างไร?
คุณดริ๊งค์บอกเลยว่า ว่าวอลล์สตรีทเป็นแบรนด์ระดับโลกที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว แต่การเชื่อมต่อกับคุนรุ่นใหม่เป็นสิ่งสำคัญของเราเช่นกัน
ทุกวันนี้ธุรกิจการศึกษามันจะมีรูปแบบของมัน 2-3 แบบ ถ้าเป็นรูปแบบกวดวิชา หรือจะเป็นโรงเรียนที่เป็นหลักสูตรที่คิดกันมาเอง แต่ของเราด้วยความที่มี 50 ประเทศทั่วโลก วันนี้ที่เราต่างจากคนอื่นคือความแข็งแรงในโครงสร้างธุรกิจและตัวหลักสูตรที่พิสูจน์มาทั่วโลกแล้วว่าใช้ได้จริง เราโตที่ยุโรปเยอะ ในเอเชียกับไทยเราก็ถือว่าใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 1
เราจะส่งผ่านแบรนด์ของเราด้วยการประยุกต์ร่วมสมัย และต้องร่วมสมัยมากขึ้น ถึงแม้วอลล์สตรีทอยู่ในไทยมา 21 ปีแล้วก็ตาม แต่เจเนอเรชันมันก็เปลี่ยนตามไปด้วย เอาง่ายๆคนที่อายุ 20 ตอนนั้น ตอนนี้มีลูก 2-3 คนแล้ว และจากปากต่อปาก จากรุ่นสู่รุ่น เมื่อคนรุ่นใหม่เข้ามาแทนสิ่งที่ทำให้เราอยู่มานานคือเรื่องของแบรนดิ้งหลักสูตร และความน่าเชื่อถือขององค์กร และจุดแข็งของเราคือเรื่องประสบการณ์ และการนำไปใช้ได้จริง
เศรษฐกิจชะลอตัวกำลังซื้อหดได้รับผลกระทบมากน้อยขนาดไหน?
คุณดริ๊งค์ยอมรับว่าภาพรวมเศรษฐกิจทุกวันนี้ซบเซาลง เราประสบปัญหาวิกฤตเหมือนธุรกิจอื่นๆ ทั่วไปในสถานการณ์โควิด หรือเศรษฐกิจขาลง หลายๆ กิจการล้มหายไป แต่เราฝ่าฟันมาได้ และที่น่าแปลกคือธุรกิจการศึกษากลับได้รับผลกระทบน้อยกว่าธุรกิจอื่นมาก
ถามว่าเศรษฐกิจทุกวันนี้ชะลอลงไหม ชะลอครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหนี้ครัวเรือนเยอะขึ้น เงินในกระเป๋าลดลง บางส่วนติดเครดิตบูโรทำให้กำลังซื้อลดลง แต่การศึกษายังเป็นสิ่งที่คนให้ความสำคัญมากกว่าการซื้อของอย่างอื่นอีก
“ซึ่งไม่ใช่ผมคนเดียวแน่นอน สิ่งที่ทำให้ Wall Street English ประเทศไทยแข็งแรงได้ทุกวันนี้คือทีมงานทั้งผู้บริหาร และพนักงานกว่า 400 ชีวิตที่ทำให้เราผ่านมาทุกวิกฤตได้”
ต้องขอขอบคุณผู้ปกครอง ลูกศิษย์ และลูกค้าของเราทุกคนที่ให้ความเชื่อมั่นและมั่นใจในการบริการของเราจนทำให้เราผ่านในหลากหลายการเปลี่ยนแปลงได้
พ่อแม่ยอม เช่นถ้าจะซื้ออะไรใหม่ก็จะถูกตัดออกก่อนเพราะพ่อแม่จะคิดว่าเก็บไว้ให้ลูกเรียนก่อนดีกว่า พ่อแม่ทุกคนมีความคิดแบบนี้ ซึ่งผมก็เหมือนกัน เช่นถ้าต้องซื้อรถใหม่ผมจะเลือกให้ลูกเรียนไปก่อน เราไม่รู้หรอกว่าจะเป็นอย่างไรต่อในอนาคต ของใช้มันก็คือของใช้ นั่นคือเหตุผลที่ทำให้เรามีกลุ่มลูกค้าอายุระหว่าง 15 ปีขึ้นไปจนถึง 20 กว่าเยอะที่สุด เพราะผู้ปกครองทุกคนให้ความสำคัญกับการศึกษา
อัตราการเกิดต่ำและเงินเฟ้อจะเป็นปัญหาของวอลล์สตรีทในอนาคต*
ต้องบอกว่าที่ผ่านมาเราแทบไม่เคยขึ้นราคาเลยเราเน้นโครงสร้างที่เหมาะสมกับยุคสมัยมากกว่า ซึ่งต่อไปการเรียนภาษาอังกฤษยังเป็นสิ่งที่คนไทยให้ความสำคัญ
ฎโรงเรียนอินเตอร์มีนักเรียนเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว และมีจำนวนเพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับ 20 ปีก่อนโรงเรียนเอกชนก็ต้องมีหลักสูตรภาษาอังกฤษ แถมค่าเรียนก็แพง บางที่สูงถึง 8 แสนบาทแต่คนยังต่อคิวซื้อใบสมัครกันเลย ถูกไหมครับ ซึ่งภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สำคัญมานานแล้ว แต่วันนี้มีแรงกระตุ้นเยอะขึ้นไปอีก"
วางแผนวอลล์สตรีทจะเป็นอย่างไรต่อจากนี้ท่ามกลางการแข่งขันทั้งจากออฟไลน์และออนไลน์
ต้องถามก่อนว่าเราแข่งกับใคร วันนี้ประเทศไทยกำลังก้าวสู่การพัฒนาที่ก้าวกระโดดเรื่องการศึกษามากสำหรับผม ลูกศิษย์ที่อยู่กับเรามาที่เคยผ่านมาทั้งหมดเกิน 1 แสนคน ในช่วงที่ผ่านมามันเป็นการส่งต่อรุ่นต่อรุ่น ลูกค้าเราไม่ได้จากการทำโฆษณาอย่างเดียว เราได้จากปากต่อปากเยอะหรือเป็นยอดขายเกิน 60% ด้วยซ้ำ เราเป็นที่ 1 ในไทยแต่สิ่งที่สำคัญคือจะรักษาอย่างไรให้ยั่งยืนมากกว่า
ฝ่ากระแสออนไลน์เปิด 30 สาขาดันยอดขาย 1,200 ล้านบาทใน 3 ปี!
คุณดริ๊งค์ เล่าต่อว่า ตอนนนี้เรามี 15 สาขายอดขายประมาณ 500-600 ล้านบาท การขยายเป็น 30 สาขามันเป็นไปได้และไม่ยาก แต่ต้องดูไทมิ่ง และ location ที่เหมาะสมให้ดี ไม่ใช่มาก่อนกาลแต่ไปก่อนใคร ฉะนั้นความสำเร็จจะมาพร้อมช่วงเวลาที่เหมาะสม ซึ่งถึงตอนนั้นยอดขาย 1,200 ล้านบาทก็เป็นไปได้ โดยการเติบโตของวอลล์สตรีทต่อจากนี้จะเน้นการขยายสาขาโดยมีระบบแฟรนไชส์เป็นทัพหน้าในสมรภูมินี้
วันนี้วอลล์สตรีทอยากมี 30 สาขาไม่ยาก แต่ธุรกิจสำหรับผมมันต้องเหมาะสมอย่างเดียว ซึ่งถ้าทำแบบนั้นคุณอาจจะเป็นผู้มาก่อนกาลที่ไปก่อนใครเลยก็ได้ ทุกธุรกิจเป็นหมดมันต้องดูโอกาสที่เหมาะสมด้วย วันนี้วอลล์สตีทสุกงอมระดับหนึ่ง ด้วยกลุ่มลูกค้าเรามีกำลังจ่ายและมีเครื่องมือที่จะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น จุดนี้ทำให้เราเริ่มหันมาขยายสาขา และเน้นธุรกิจแฟรนไชส์มากกว่าในอดีต แต่ผมไม่ได้สวนกระแสออนไลน์ อย่างที่บอกว่านักเรียนที่มาหาเราต้องการประสบการณ์ ดังนั้น การเปิดสาขาที่เหมาะสมทั้งทำเลและขนาด ซึ่งต้องมีพื้นที่พอให้นักเรียนมีที่อยู่ มีที่ที่เขามีความสุข ทำให้เขารู้สึกสะดวกสบาย
“เราเป็นธุรกิจการศึกษาที่อยู่ในรีเทลสโตร์ (ค้าปลีก) ความหมายของเราคืออยู่ในที่ที่มีคนพลุกพล่านเป็นที่รู้จักอยู่แล้ว ความถนัดของเราคือการทำให้ลูกค้าเห็น และเราจะมีบูทอยู่ตามห้างทุกห้างทำให้ส่วนใหญ่ 100% สาขาของเราอยู่ในห้างเกือบหมด ซึ่งกลยุทธ์ของเราคือการที่มองโลเกชันที่เหมาะสมกับแบรนด์ที่ถูกต้อง กำลังซื้อที่ดี โดยเราพอจะรู้คาแร็กเตอร์ในแต่ละทำเลแล้วว่าเป็นอย่างไร”
“หัวใจ” คือสิ่งที่ขาดไม่ได้ในธุรกิจการศึกษา
คุณดริ๊งค์บอกด้วยว่า การจะร่วมงานในรูปแบบแฟรนไชส์กับวอลล์สตรีทสิ่งแรกที่ต้องมีเลยคือหัวใจ เพราะทุกสาขาของวอลล์สตรีทคือลูกที่เราต้องดูแลเป็นอย่างดี
การขยายแฟรนไชส์ของเราคือต้องรักในธุรกิจการศึกษาด้วยเหมือนการสร้างครอบครัวมีคู่แต่งงาน ซึ่งเราจะต้องดูแลลูกหรือสาขาที่เราเริ่มต้นมาด้วยกันไปตลอด เราจะต้องมั่นใจก่อนว่าพาร์ตเนอร์ของเรานั้นแข็งแรง เรามีลูกเป็นวอลล์สตรีทร่วมกันเมื่อลูกค้าส่งลูกมาเรียนกับเรา เราต้องดูแลให้ดีที่สุด มันค่อนข้างละเอียดอ่อน คนมีลูกจะเข้าใจ
ขยายตลาดสู่ภูมิภาครวมถึงอาเซียนลาว-กัมพูชา
อีก 3 ปีเรามีเป้าหมายว่าจะต้องครอบคลุมทั้งประเทศในทุกภาคให้ได้ ซึ่งไม่จำเป็นจะต้องเป็นหัวเมืองใหญ่ แต่หลักๆ เราจะต้องดูก่อนทั้งในเรื่องทำเล ประชากรในพื้นที่ โรงเรียนเยอะไหม ถ้าโรงเรียนยิ่งเยอะยิ่งดีแสดงว่ามีกลุ่มลูกค้าของเราอยู่ในพื้นทีเยอะ ส่วนอาเซียนเรามีใบอนุญาตในลาวและกัมพูชาซึ่งที่ลาวถือว่าได้รับการตอบรับที่ดีมาก ส่วนกัมพูชาเป็นอีกประเทศที่กำลังศึกษาความเป็นไปได้เหมือนกัน
ที่เวียงจันทน์ได้รับการตอบรับดีมากทั้งที่ประชากรของเขาน้อยกว่าไทย โรงเรียนสอนภาษามีไม่เยอะเท่าที่ทราบมี 1 แห่งที่ตั้งมา 40 ปีเหมือนกัน กับมีแบรนด์อื่นบ้าง เราไปดูที่ห้างและแต่ตอนไปดูคนไม่ได้แน่นมาก ตอนที่เราไปก็สร้างความแตกต่างพอสมควรเพราะเราเป็นแบรนด์ระดับโลกแบรนด์เดียวที่ไปเปิดในเชิงธุรกิจถึงแม้กำลังซื้อของลาวจะสู้ไทยไม่ได้ แต่เราต้องทำกลยุทธ์ให้มันเหมาะสมกับเขา เพราะผมเชื่อว่าความต้องการด้านการศึกษาทุกที่มีหมดเพียงแต่เราต้องเจาะกลุ่มให้ถูกต้องเท่านั้น ซึ่งตอนนี้สนใจเปิดสาขาที่ 2 อยู่เหมือนกัน และสิ่งที่สำคัญมาก และเราต้องขอบคุณจริงจิรง คือ Partner franchise ของเราที่ประเทศลาว ที่ตั้งใจให้ความสำคัญกับธุรกิจเป็นอย่างดี จึงให้กระแสตอบรับดีมากจากคนในประเทศ
ผู้นำด้านการศึกษาและฟันเฟืองที่จะทำให้คนไทยใช้ภาษาอังกฤษได้มากขึ้น
คุณดริ้งค์เล่าต่อว่า แน่นอนภายใน 3 ปี Wave Education เราอยากเป็นผู้นำทางด้านการศึกษา เป็นสถาบันที่ส่งเสริมการศึกษาถึงแม้เราไม่ใช่โรงเรียน แต่เราขอเป็นฟันเฟืองหนึ่งที่ซัปพอร์ตมากกว่า
“แน่นอนนอกจากวอลล์สตรีทที่เป็นเครื่องยนต์หลักของเราแล้ว ในอนาคตเวฟ อีดูเคชัน กรุ๊ป ก็สนใจที่จะเปิดหลักหลักสูตรอื่นด้วยเช่น ภาษาจีน การเขียนโค้ด AI เพื่อให้เราสามารถเป็นผู้นำด้านธุรกิจการศึกษา และเราอยากเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยผลักดันการเพิ่มหลักสูตรภาษาอังกฤษเหมือนกัน เราอยากเข้าไปคุยกับกระทรวงศึกษาธิการว่ามีมุมมองแบบไหนบ้าง”
ต้องบอกว่าวันนี้เราพร้อมมาก แค่มาเรียนกับเราในหลักสูตรของเรา ผมว่าด้วยสาขาที่เรามีในกรุงเทพฯ 10 กว่าแห่ง ก็สามารถมีส่วนช่วยให้นักเรียนได้ปีๆ หนึ่งเป็นพันคนเหมือนกัน มันไม่ใช่แค่ช่วยเขาช่วยเรา แต่เป็นการช่วยคนในประเทศ จริงอยู่มันคือธุรกิจแต่ลึกๆ แล้วความตั้งใจของเราคืออยากผลักดัน วันนี้นักท่องเที่ยวมาประเทศเราเป็น 10 ล้านคน ภาษาอังกฤษในประเทศอื่นเป็นภาษาที่เขาพูดกันได้จนเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ไทยก็ดีขึ้น แต่เราอยากเป็นฟันเฟืองที่ผลักดันให้ดีขึ้นกว่านี้ ไม่ว่าจะเป็นส่วนไหน ไม่ว่าจะภาคนักเรียน ภาครัฐบาล ข้าราชการ เรายินดีหมด
ทั้งหมดเป็นมุมมองที่คุณดริ้งค์เล่าให้ฟังเกี่ยวกับธุรกิจการศึกษา ซึ่งตอนแรกเข้าใจว่าคงน่าเบื่อเหมือนอยู่ในห้องเรียนทั่วไป แต่กลับได้อรรถรส ความสนุก และเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับธุรกิจนี้อย่างเพลิดเพลินไปพร้อมกัน
นี่คงเป็น DNA ของ Wave Education ที่ชายคนนี้ถ่ายทอดออกมา บางทีตัวอักษรและระยะเวลาอาจยังน้อยเกินไปกับชั่วโมงบินของเขาเพราะบทสนทนาของเราถูกตัดจบด้วยเสียงเฮของนักเรียนรอดผ่านห้องกระจกพอดี