อาม่า มารีน โชว์ผลงาน Q2 กำไรสุทธิ 125.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 142.04% รายได้รวมแตะ 829.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.38% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน รับอานิสงส์ธุรกิจโลจิสติกส์ฟื้นตัว ปริมาณการขนส่งคึก ขณะที่บอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผลระหว่างกาลเป็นเงินสดอัตรา 0.20 บาทต่อหุ้น ตั้งเป้าปี 67 รายได้เติบโต 2 Digit
นายพิศาล รัชกิจประการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาม่า มารีน จำกัด (มหาชน) (AMA) ผู้ให้บริการขนส่ง สินค้าน้ำมันปาล์มและน้ำมันพืช เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานสำหรับงวดไตรมาส 2/2567 (สิ้นสุด 30 มิถุนายน 2567) บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 829.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 116.83 ล้านบาท หรือ 16.38% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวมเท่ากับ 713.05 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 125.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 73.79 ล้านบาท หรือ 142.04% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 51.95 ล้านบาท
โดยการเติบโตในไตรมาส 2 ปี 2567 โดยหลักมาจากอัตราค่าขนส่งเฉลี่ยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น สัดส่วนรายได้จากการให้บริการขนส่งสินค้าทางเรือของบริษัท และการให้บริการขนส่งสินค้าทางรถของบริษัทย่อย คิดเป็น 54.40% และ 45.60% ตามลำดับ
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานที่เติบโตต่อเนื่องมาจากธุรกิจโลจิสติกส์ที่มีสัญญาณฟื้นตัว ส่งผลให้ปริมาณการขนส่งเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ปริมาณการขนส่งทางรถมีสัญญาณเพิ่มขึ้นในไตรมาส 2/2567 จากกลุ่มบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG) ซึ่งเป็นบริษัทที่ใช้บริการการขนส่งผ่านรถขนส่งน้ำมันของ AMA คิดเป็นสัดส่วนกว่า 90% และลูกค้ารายอื่นมีความต้องการใช้รถขนส่งมากขึ้น ส่งผลให้ผลประกอบการเติบโตในทิศทางที่ดีขึ้น
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2567 ได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้ผู้ถือหุ้นเป็นเงินสด ในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท รวมเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 103.58 ล้านบาท กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 23 สิงหาคม 2567 และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 5กันยายน 2567
นายพิศาล กล่าวต่อว่า คาดว่าธุรกิจในครึ่งปีหลังปีนี้จะเติบโตได้มากกว่าครึ่งปีแรก เพราะโดยปกติไตรมาส 3 และไตรมาส 4 จะเป็นช่วงที่สามารถทำรายได้ กำไรได้สูง มีการขนส่งน้ำมันพืชและเก็บสต๊อกรอขายในช่วงเทศกาลในปริมาณสูง และ Utilization ของเรือมีปริมาณเพิ่มขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับการมองหาเรือใหม่ขนาด 1.3 หมื่นเดทเวตตัน เพื่อรองรับในช่วงปลายไตรมาส 3/2567 ขณะที่การขนส่งโดยรถบรรทุกของบริษัทย่อย บริษัท เอ เอ็ม เอ โลจีสติกส์ (AMAL) จะเพิ่มอีกจำนวน 30 คัน” นายพิศาล กล่าว
สำหรับแผนการดำเนินงานตลอดปี 2567 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 2 Digit ผลจากการฟื้นตัวของธุรกิจโลจิสติกส์ และการเพิ่มจำนวนกองเรือ รวมถึงรถขนส่ง อีกทั้งอยู่ระหว่างการศึกษาขยายการลงทุนธุรกิจใหม่ เพื่อสร้างโอกาสในการเติบโต เพิ่มแหล่งที่มาของรายได้ ผลักดันธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต