xs
xsm
sm
md
lg

Krungthai GLOBAL MARKETS เผยค่าบาทเปิดที่ระดับ 35.60 โมเมนตัมอ่อนค่ามีกำลังมากขึ้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เผยค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (8 ส.ค.) ที่ระดับ 35.60 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 35.66 บาทต่อดอลลาร์ และมองกรอบเงินบาทวันนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.45-35.70 บาท/ดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาททยอยแข็งค่าขึ้นบ้าง (แกว่งตัวในช่วง 35.52-35.66 บาทต่อดอลลาร์) ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ ที่มาพร้อมกับการปรับตัวขึ้นทดสอบโซนแนวต้านระยะสั้นของราคาทองคำ (XAUUSD)

อย่างไรก็ดี เงินบาทยังไม่สามารถแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องหลุดโซนแนวรับ 35.50 บาทต่อดอลลาร์ไปได้ หลังบรรยากาศในตลาดการเงินสหรัฐฯ กลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) กดดันโดยแรงขายบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ ตามการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จนเกือบแตะระดับ 4.00% โดยภาพดังกล่าวได้หนุนให้เงินดอลลาร์รีบาวนด์แข็งค่าขึ้นบ้าง ขณะเดียวกัน ราคาทองคำพลิกกลับมาปรับตัวลดลงกลับสู่โซนแนวรับ 2,380 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เปิดโอกาสให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยเข้าซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวมีส่วนกดดันค่าเงินบาท

สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ อย่างยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) รวมถึงถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด (Thomas Barkin ซึ่งจะรับรู้ในช่วงราว 02.00 น. ของวันศุกร์ ตามเวลาประเทศไทย) เพื่อประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ และทิศทางดอกเบี้ยนโยบายของเฟด

ส่วนในฝั่งเอเชีย ผู้เล่นในตลาดต่างคาดว่า ธนาคารกลางอินเดีย (RBI) จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 6.50% จนกว่าจะมั่นใจว่า ทาง RBI จะสามารถคุมสถานการณ์เงินเฟ้อได้อย่างแน่นอน (ปัจจุบัน อัตราเงินเฟ้อของอินเดียยังคงสูงกว่าเป้าหมายพอสมควร) และค่าเงินรูปี (INR) มีเสถียรภาพมากขึ้น

และนอกเหนือจากปัจจัยดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตารายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินได้ในช่วงนี้

สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท เราคงมุมมองเดิมว่า โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทนั้นมีกำลังมากขึ้น ดังจะเห็นได้จากในวันก่อนหน้าที่เงินบาทสามารถอ่อนค่าทะลุโซนแนวต้าน 35.65 บาทต่อดอลลาร์ที่เราประเมินไว้ได้ โดยเฉพาะในช่วงหลังตลาดรับรู้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในคดียุบพรรคก้าวไกล (มติเอกฉันท์ ให้ยุบพรรคก้าวไกล) ทำให้เราประเมินว่า ในเชิงเทคนิคัลนั้น สำหรับ Time Frame Daily ค่าเงินบาท (USDTHB) อาจเกิดรูปแบบ Bullish Reversal Pattern สะท้อนโอกาสที่จะทยอยผันผวนอ่อนค่าลงได้ สอดคล้องกับมุมมองของเราที่ประเมินว่า การอ่อนค่าของเงินบาทอาจเป็นไปอย่างจำกัด หลังผู้เล่นในตลาดบางส่วนต่างรอทยอยขายเงินดอลลาร์ หากเงินบาทสามารถทยอยอ่อนค่าลงได้บ้าง (Sell on Rally) นอกจากนี้ เรามองว่าควรระวังความผันผวนจากการทยอย Unwind JPY Carry Trade หรือสถานะ Short JPY (มองเงินเยนอ่อนค่า) เพิ่มเติม หลังเงินเยนญี่ปุ่นได้ผันผวนอ่อนค่าลงเกือบแตะระดับ 148 เยนต่อดอลลาร์ ตามถ้อยแถลงของทางธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่สะท้อนว่า BOJ จะระมัดระวังในการดำเนินนโยบายการเงินมากขึ้น โดยแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ หากความปั่นป่วนในตลาดการเงินได้ส่งผลกระทบต่อคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจ รวมถึงความเสี่ยงและโอกาสที่ BOJ จะบรรลุคาดการณ์ดังกล่าว โดยในช่วงเช้านี้เราเห็นการทยอยลดสถานะ Short JPY หรือ Unwind JPY Carry Trade ของผู้เล่นในตลาดเพิ่มเติม ส่งผลให้เงินเยนญี่ปุ่นทยอยกลับมาแข็งค่าขึ้นต่ำกว่าโซน 146 เยนต่อดอลลาร์อีกครั้ง กดดันให้เงินดอลลาร์ผันผวนอ่อนค่าลง ดังนั้น ความผันผวนของค่าเงินเยนในช่วงนี้อาจส่งผลกระทบมายังค่าเงินบาทได้ไม่ยาก

ทั้งนี้ แม้เงินบาทอาจมีจังหวะแข็งค่าขึ้นได้บ้างจากปัจจัยข้างต้น ทว่า การแข็งค่าอาจเป็นไปอย่างจำกัดเช่นกัน โดยเบื้องต้น เราคงประเมินโซนแนวรับเงินบาทแถว 35.50 บาทต่อดอลลาร์ และหากเงินบาทแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องได้จริง สวนทางกับที่เราประเมินไว้อาจแข็งค่าทดสอบโซน 35.30 บาทต่อดอลลาร์ ได้
กำลังโหลดความคิดเห็น