นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เผยค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (7 ส.ค.) ที่ระดับ 35.49 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 35.53 บาทต่อดอลลาร์ และมองกรอบเงินบาทวันนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.40-35.65 บาท/ดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ Sideways (แกว่งตัวในช่วง 35.45-35.60 บาทต่อดอลลาร์) โดยเงินบาทมีจังหวะอ่อนค่าลงทดสอบโซนแนวต้าน 35.60 บาทต่อดอลลาร์ที่เราประเมินไว้ ตามการทยอยแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องของเงินดอลลาร์ หลังผู้เล่นในตลาดทยอยคลายกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวลงหนักกว่าคาด ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดทยอยปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการเร่งลดดอกเบี้ยของเฟดลงบ้าง
ทั้งนี้ การอ่อนค่าของเงินบาทได้เริ่มชะลอลง หลังบรรยากาศตลาดการเงินสหรัฐฯ ที่ทยอยกลับมาเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) ได้กดดันให้เงินดอลลาร์ทยอยอ่อนค่าลง ทว่า เงินบาทไม่ได้แข็งค่าขึ้นมากนัก เนื่องจากภาวะเปิดรับความเสี่ยงดังกล่าว ที่มาพร้อมกับการทยอยปรับตัวขึ้นของบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ สู่ระดับ 3.90% ได้กดดันให้ราคาทองคำ (XAUUSD) ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเข้าใกล้โซน 2,380 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เปิดโอกาสให้ผู้เล่นในตลาดทยอยเข้าซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวบ้าง และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวมีส่วนกดดันเงินบาทในฝั่งอ่อนค่า ทำให้โดยรวมเงินบาทยังคงแกว่งตัวแถวโซน 35.50 บาทต่อดอลลาร์
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาประเด็นการเมืองไทย เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยในคดียุบพรรคก้าวไกลในช่วงเวลาประมาณ 15.00 น. ตามเวลาประเทศไทย โดยหากเกิดความไม่แน่นอนของการเมืองไทยในระยะสั้น (ซึ่งอาจต้องรอลุ้นคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในคดีถอดถอนนายกรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า) อาจกดดันบรรยากาศในตลาดการเงินและเสี่ยงที่จะทำให้เกิดแรงขายสินทรัพย์ไทยโดยนักลงทุนต่างชาติได้ ในส่วนรายงานข้อมูลเศรษฐกิจนั้น เราประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไป CPI ในเดือนกรกฎาคมอาจปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 0.8% (+0.2%m/m) ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI อาจปรับตัวขึ้นเล็กน้อยสู่ระดับ 0.40% ตามการปรับตัวขึ้นบ้างของราคาอาหารและราคาพลังงาน
ส่วนในฝั่งเอเชีย ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มการค้าระหว่างประเทศของจีน ผ่านรายงานยอดการส่งออกและนำเข้า (Exports & Imports) เดือนกรกฎาคม
และในฝั่งสหรัฐฯ ตลาดจะรอติดตามรายงานยอดสต๊อกน้ำมันคงคลังสหรัฐฯ ซึ่งอาจสะท้อนถึงความต้องการใช้พลังงานในช่วงนี้ และอาจกระทบต่อทิศทางราคาน้ำมันดิบ
นอกเหนือจากปัจจัยดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตารายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินได้ในช่วงนี้
สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทเริ่มเผชิญความเสี่ยงด้านอ่อนค่ามากขึ้น ดังจะเห็นได้จากการที่เงินบาทผันผวนอ่อนค่าลงทดสอบโซนแนวต้าน 35.60 บาทต่อดอลลาร์ ที่เราประเมินไว้ในวันก่อน โดยในวันนี้ เรามองว่าควรระวังความผันผวนของค่าเงินบาทในช่วงตลาดทยอยรับรู้คำวินิจฉัยในคดียุบพรรคก้าวไกล ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินได้บ้าง อย่างไรก็ดี เรายังคงประเมินว่าการอ่อนค่าของเงินบาทอาจเป็นไปอย่างจำกัด หลังผู้เล่นในตลาดบางส่วนต่างรอทยอยขายเงินดอลลาร์ หากเงินบาทสามารถทยอยอ่อนค่าลงได้บ้าง (Sell on Rally) ทำให้หากเงินบาทผันผวนอ่อนค่าลงได้ อาจเริ่มชะลอการอ่อนค่าแถวโซน 35.65 บาทต่อดอลลาร์ โดยมีแนวต้านถัดไปแถว 35.85 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเรามองว่า เงินบาทจะผันผวนอ่อนค่าลงต่อเนื่องได้ชัดเจนอาจต้องเห็นการกลับมาแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ และการปรับตัวลงต่อเนื่องของราคาทองคำประกอบด้วย ซึ่งอาจเกิดในจังหวะที่ตลาดปรับลดมุมมองต่อการลดดอกเบี้ย “เร็วและแรง” ของเฟดอย่างชัดเจน
ในส่วนโซนแนวรับค่าเงินบาทนั้น เราประเมินว่า เงินบาทอาจยังไม่สามารถแข็งค่าผ่านโซน 35.30 บาทต่อดอลลาร์ไปได้ง่ายนัก จนกว่าตลาดจะรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม ทว่า ควรระวังความเสี่ยงที่เงินบาทจะกลับมาแข็งค่าได้เร็วและแรงหากตลาดเผชิญปัจจัยใหม่ๆ จนทำให้เกิดการเร่ง Unwind JPY-Carry Trade หนุนให้เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) กลับมาแข็งค่าขึ้นเร็วในระยะสั้น