ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เหมือนระเบิดลง ถล่มตูมตามวันละเกือบพันจุดติดต่อ สร้างแรงสั่นสะเทือนไปตลาดหุ้นทั่วโลก รวมทั้งตลาดหุ้นไทยที่ทรุดหนัก จนแตะจุดต่ำสุดในรอบ 4 ปี นับจากวิกฤตโควิด
ข่าวร้ายทั้งจากภายในและภายนอกกำลังกระหน่ำเข้าใส่ จนดัชนีหุ้นถอยลงไปที่ระดับ 1,274.67 จุด โดยลงในวันเดียวถึง 38.41 จุด กลายเป็นจันทร์ทมิฬ หรือแบล็กมันเดย์ เพราะตลาดหุ้นทั้งโลกแดงฉาน
ความวิตกกังวลภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ถดถอยกระจายไปสู่นักลงทุนทั่วโลก และเกิดการเทขายหุ้นทิ้ง จนดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปักหัวลง
นอกจากนั้น ยังมีสถานการณ์สุ่มเสี่ยงสงครามใหญ่ในตะวันออกกลาง โดยอิหร่านอาจโจมตีล้างแคนอิสราเอล ซ้ำเติมความไม่มั่นใจของนักลงทุนเข้ามาอีก
ขณะที่การเมืองในประเทศไม่นิ่ง เพราะมี 2 คดีใหญ่ที่กดดันอยู่ ทั้งคดียุบพรรคก้าวไกลที่จะตัดสินวันที่ 7 สิงหาคมนี้ และคดีนายเศรษฐา ทวีสิน ที่ตัดสินวันที่ 14 สิงหาคมว่า จะหลุดจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือไม่
ข่าวดีของตลาดหุ้นไทยขาดแคลนอย่างหนัก แต่ข่าวร้ายพุ่งเข้าใส่ในทุกทิศทาง รวมทั้งเศรษฐกิจที่ซบเซาสุดขีด บั่นทอนความน่าสนใจของตลาดหุ้นในสายตาต่างชาติ ซึ่งยังไม่มีสัญญาณกลับมาลงทุน
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ โบรกเกอร์แทบทุกสำนักคาดหวังว่า ครึ่งปีหลังตลาดหุ้นจะกระเตื้องขึ้น แต่โอกาสเลือนรางลงทุกที และสถานการณ์รอบด้านบ่งชี้ว่า ครึ่งปีหลังอาจเลวร้ายไม่แตกต่างจากครึ่งปีแรก
เป้าหมายดัชนีปลายปีนี้ โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ประเมินว่าจะอยู่ประมาณ 1,450 จุด และล่าสุด ฝ่ายวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้าคาดหมายว่า สิ้นปีอาจได้เห็นดัชนีพุ่งไปแตะที่ระดับ 1,520 จุด หรือเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 250 จุด
ปัจจัยสนับสนุนมองมองของ "หยวนต้า" คือ เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัว แนวโน้มดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาลง การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ และมาตรการกระตุ้นความเชื่อมั่นนักลงทุน
แต่เป้าหมายดัชนี 1,520 จุด กลายเป็นเพียงการมองโลกสวยเท่านั้น เพราะปัจจัยแวดล้อมที่เป็นจริงมีแต่ปัจจัยที่กระทบและกดดันตลาดหุ้น
ข่าวดีที่รอลุ้นกันคือ ธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจประกาศลดดอกเบี้ยฉุกเฉิน จากที่คาดกันว่าจะเกิดขึ้นในเดือนกันยายนนี้ โดยอาจใช้ยาแรงลด 0.5% นำร่องก่อน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่การลดดอกเบี้ยจะปลุกตลาดหุ้นให้กระเตื้องขึ้นได้หรือไม่
การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเกิดความปั่นป่วนไปหมด ไม่เฉพาะหุ้น แม้แต่เงินดิจิทัล โดยเฉพาะบิตคอยน์ก็ร่วงหลุด 50,000 ดอลลาร์ นักเก็งกำไรกระเป๋าฉีกตามกัน
วิกฤตตลาดหุ้นรอบนี้หนักหนาสาหัสจริงๆ เหมือนภาวะฟองสบู่แตกที่แพร่ไปทั่วโลก เพียงแต่ตลาดหุ้นไทยอาจเลวร้ายกว่า เพราะดัชนีทรุดลงแรงตั้งแต่ปี 2566 และปีนี้ยังทรุดต่อ ไม่มีโอกาสโงหัวขึ้นเหมือนประเทศอื่น เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจและการเมืองภายในประเทศ
ความพยายามของรัฐบาลในการกระตุ้นบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้น การผลักดันมาตรการเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง เพราะมรสุมใหญ่จากภายนอกโหมกระหน่ำเข้าใส่ จนนักลงทุนในประเทศถอดใจกันหมด
ต่างชาติไม่ได้ถล่มขายหุ้นเหมือนช่วงครึ่งปีแรกแล้ว และเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เทขายออกมาเพียงไม่กี่สิบล้านบาทเท่านั้น แต่ถล่มหุ้นทรุดฮวบเกือบ 40 จุด
เพราะแรงซื้อนักลงทุนรายย่อยในประเทศอ่อนล้าเต็มทีแล้ว
ราคาหุ้นวันนี้ถือว่าถูกแสนถูก แต่นักลงทุนเงินหมดกระเป๋า ไม่เหลือกระสุนไว้สู้ ได้แต่นั่งดูดัชนีร่วงลง และหวังว่าจะไม่มีข่าวร้ายหรือฝรั่งกลับมาถล่มขายอีกระลอก
จนหุ้นถอยลึกสู่ระดับ 1,200 จุดที่ทุกคนกำลังหวั่นใจอยู่