xs
xsm
sm
md
lg

เจมิไนแจงสถานการณ์เป็นใจ คาดตลาดคริปโตสดใสอีก2ปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เจมิไนชี้การผ่อนคลายนโยบายการเงิน สภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบที่เอื้ออำนวยมากขึ้น และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจะส่งเสริมให้ตลาดคริปโตขยายตัวต่อในช่วงสองปีข้างหน้า
รายงานการวิจัยล่าสุดของเจมิไนชี้แม้ราคาคริปโตยอดนิยมหลายสกุลร่วงเมื่อเร็วๆ นี้ แต่ยังมีปัจจัยอีกมากมายที่พร้อมเกื้อหนุนให้ตลาดสกุลเงินดิจิทัลขยายตัวต่อไปในช่วง 2 ปีข้างหน้า

ในรายงาน Institution Insights ฉบับล่าสุด นักวิจัยของเจมิไนระบุว่า การผ่อนคลายนโยบายการเงิน สภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบที่เอื้ออำนวยมากขึ้น และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจะขับเคลื่อนการเติบโตแม้ตลาดคริปโตเพิ่งเผชิญความผันผวนไปเมื่อเร็วๆ นี้ก็ตาม

ช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ตลาดมีการปรับฐาน ราคาคริปโตชั้นนำแกว่งตัวในกรอบ ที่ชัดเจนที่สุดคือบิตคอยน์ที่ราคาตีกลับระหว่าง 53,550-72,000 ดอลลาร์ และอีเธอเรียมที่เทรดอยู่ที่ 2,800-3,970 ดอลลาร์

การปรับฐานนี้เกิดขึ้นหลังจากราคาคริปโตพุ่งขึ้นเมื่อต้นปีจากการเปิดตัวกองทุน spot Bitcoin ETF และ spot Ethereum ETF ทว่า นับจากนั้นราคากลับตกลง โดยอีเธอเรียมร่วง 22% จากสถิติสูงสุดตลอดกาลในเดือนมีนาคมที่ 4,090 ดอลลาร์ ส่วนบิตคอยน์ดิ่งลงราว 12%

นักวิเคราะห์บางคนยังคงงุนงงเพราะคิดว่า ตอนนี้ราคาบิตคอยน์น่าจะดีดขึ้นไปแถวๆ 70,000 ดอลลาร์แล้ว

อย่างไรก็ตาม รายงานของเจมิไนบ่งชี้ว่า อุตสาหกรรมและมูลค่าตามราคาตลาดของคริปโตจะยังคงขยายตัวต่อไปเนื่องจากปัจจัยภายนอกและปัจจัยเฉพาะหลายอย่าง

หนึ่งในปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญคือ การที่ทั่วโลกกำลังผ่อนคลายนโยบายการเงินหลังจากใช้นโยบายคุมเข้มมากว่า 2 ปี เช่น ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) และธนาคารกลางแคนาดาที่เริ่มลดดอกเบี้ยแล้ว ซึ่งตามทฤษฎีนั้น การลดดอกเบี้ยจะส่งผลดีต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่รวมถึงคริปโต เนื่องจากต้นทุนการกู้ยืมถูกลง

ทางด้านธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เพิ่งส่งสัญญาณว่า อาจลดดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 2 ปีในการประชุมเดือนหน้า ซึ่งจะส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงและดันราคาคริปโตขยับขึ้น

พัฒนาการด้านกฎระเบียบถูกคาดหมายว่า จะมีบทบาทสำคัญกับทิศทางของตลาดคริปโตเช่นเดียวกัน

เจมิไนชี้ว่า ภูมิทัศน์ด้านกฎระเบียบในอเมริกามีแนวโน้มเปลี่ยนแปลง โดยการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่จะมีขึ้นในวันที่ 5 พ.ย. จะเป็นปัจจัยตัดสินการเติบโตของอุตสาหกรรมคริปโตในอนาคต

ช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา ตลาดเดิมพันออนไลน์ทำนายว่า พรรครีพับลิกันจะได้ครองทั้งทำเนียบขาวและวุฒิสภา โดยพรรคนี้ให้สัญญาสนับสนุนสิทธิ์ในการเก็บรักษาสินทรัพย์ดิจิทัลด้วยตนเองและการทำเหมืองบิตคอยน์

ทางด้านกมลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครตในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี เริ่มรับฟังคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญและมีจุดยืนสนับสนุนสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งตรงข้ามกับคณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่มีแนวทางต่อต้านและเป็นปฏิปักษ์ต่อคริปโต

การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองนี้ประกอบกับคำแนะนำที่สำคัญจากอุตสาหกรรม และการยอมรับสินทรัพย์คริปโตอย่างแพร่หลายของอเมริกันชน บ่งชี้สภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบที่เอื้ออำนวยมากขึ้น ขณะที่นักลงทุนทั้งประเภทสถาบันและรายย่อยมีโอกาสลงทุนมากขึ้น

ทั้งนี้ การวิจัยของเจมิไนพบว่า 73% ของผู้ที่ถือครองคริปโตในอเมริกามีแผนพิจารณาจุดยืนเกี่ยวกับคริปโตของผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี

ขณะที่ผู้ตอบแบบสำรวจ 47% ที่ยังไม่ได้ลงทุนในคริปโตแสดงความกังวลเกี่ยวกับอนาคตของอุตสาหกรรมนี้ สะท้อนความจำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลจะต้องลงมือจัดการกับความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบซึ่งเป็นสาเหตุให้คนจำนวนมากยังเลือกรอดูอยู่นอกตลาด

สำหรับประเทศอื่นๆ นั้น ความเป็นไปได้ที่จีนอาจยกเลิกการแบนคริปโต และสภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบของฮ่องกงที่สนับสนุนสกุลเงินดิจิทัลมากขึ้นบ่งชี้ผลกระทบแง่บวกต่อตลาดคริปโตทั่วโลก

การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจมีบทบาทสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากบิตคอยน์ได้รับการยอมรับทั่วโลกในฐานะสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์

ขณะเดียวกัน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานภายในอุตสาหกรรมคริปโตมีแนวโน้มส่งเสริมการเติบโตของสกุลเงินดิจิทัล

แม้มีความกังวลเกี่ยวกับการพยายามเพิ่มความสามารถในการทำธุรกรรมบนแอปพลิเคชันสำหรับผู้ใช้ แต่รายงานระบุว่า ขั้นตอนนี้จำเป็นสำหรับการเติบโตในอนาคตภายในอุตสาหกรรมคริปโต

ปัจจัยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมคริปโตยังรวมถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วของสเตเบิลคอยน์ และตลาดการทำนาย เช่น แพลตฟอร์ม Polymarket ที่ได้รับความนิยมแพร่หลายมากขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น