เดวิด โซโลมอน CEO ของ โกลด์แมน แซคส์ เปรียบเทียบสถานะระหว่างบิทคอยน์และทองคำ ในการทำหน้าที่เป็นสินทรัพย์สำรองและแหล่งเก็บมูลค่าสำหรับบุคคล บริษัท และแม้แต่ประเทศชาติในอนาคต
เดวิด โซโลมอน ซีอีโอของ โกลด์แมน แซคส์ กล่าวว่า บิทคอยน์อาจทำหน้าที่เป็นแหล่งเก็บมูลค่าได้เช่นเดียวกับทองคำ แต่เขายังคงย้ำจุดยืนที่ระมัดระวังของเขาต่อสกุลเงินดิจิทัลเรือธงนี้
ในบทสัมภาษณ์ กับ CNBC เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม โซโลมอนกล่าวว่าเขาไม่เคยวิจารณ์บิทคอยน์ แต่เขายังคงมองว่ามันเป็นเพียงการลงทุนเพื่อเก็งกำไรโดยไม่มีกรณีใช้งานจริง
อย่างไรก็ตาม เขายอมรับว่าเทคโนโลยีบล็อคเชนที่อยู่เบื้องหลังนั้น “น่าสนใจมาก” และเขายังกล่าวอีกว่าเทคโนโลยีนี้สามารถช่วยทำให้ระบบการเงินคู่ขนานดิจิทัลได้ และ “ช่วยลดความยุ่งยากได้มาก”
ขณะที่หากย้อนกลับไปในปี 2563 ภายใต้การนำของโซโลมอน โกลด์แมน แซคส์ มีบทบาทเชิงรุกในตลาดคริปโตอย่างมาก โดยบริษัทได้เปิดตัวแผนกคริปโตเพื่อส่งสัญญาณถึงความมุ่งมั่นในการขยายภาคส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล โดยในขณะนั้นโซโลมอนกล่าวว่าในที่สุดแล้วบิทคอยน์ จะเทียบเท่า และแซงหน้ามูลค่าตลาดของทองคำ แต่ยังคงมองอย่างระมัดระวังว่ามันเป็นสินทรัพย์เพื่อใช้เก็งกำไรจากปริมาณความต่างของอุปสงค์-อุปทาน
แม้จะมีสัญญาณที่ไม่ชัดเจน แต่ความมุ่งมั่นของ โกลด์แมน แซคส์ ที่มีต่อสินทรัพย์ดิจิทัลก็ชัดเจน บริษัทมีแผนจะเปิดตัวโครงการโทเค็นสามโครงการภายในสิ้นปีนี้ โดยเน้นที่ตลาดสหรัฐอเมริกาและยุโรปก่อนที่จะทยอยขยายไปยังภูมิภาคอื่นๆ
นอกจากนี้โกลด์แมน แซคส์ ยังเน้นไปยังตลาดสำหรับสินทรัพย์ประเภทโทเค็นดิจิทัล เพื่อเสริมบทบาทของบริษัทในพื้นที่สินทรัพย์ดิจิทัลให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
การสำรองบิทคอยน์เพื่อเก็บมูลค่าเทียบเท่าทองคำ
ความคิดเห็นของ Soloman เกิดขึ้นท่ามกลางการถกเถียงที่เพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับศักยภาพของบิทคอยน์ ในการทำหน้าที่เป็นสินทรัพย์สำรอง และแหล่งเก็บมูลค่าสำหรับบุคคล บริษัท และแม้แต่ประเทศชาติ
ขณะที่บุคคลซึ่งมีความโดดเด่นในอุตสาหกรรมยังคงเป็นชื่อของ ไมเคิล เซย์เลอร์ ซีอีโอของ MicroStrategy ซึ่งเชื่อว่าประเทศแรกที่เริ่มสะสมบิทคอยน์โดยการออกสกุลเงิน fiat มีโอกาสสูงที่สุดที่จะกลายเป็นมหาอำนาจใหม่ของโลก นอกจากนี้ เขายังเน้นย้ำว่าบิทคอยน์ สามารถช่วยให้ประเทศต่างๆ รวมถึงสหรัฐอเมริกา กำจัดหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นได้ภายในสองทศวรรษ
ในทำนองเดียวกัน ซินเทีย ลัมมิส วุฒิสมาชิกรัฐไวโอมิง ให้ความเห็นว่า บิทคอยน์สามารถช่วยให้สหรัฐฯ ลดหนี้ที่เพิ่มขึ้นได้ และได้เสนอร่างกฎหมายฉบับใหม่ที่มุ่งหมายให้บิทคอยน์เป็นสินทรัพย์สำรองเชิงยุทธศาสตร์สำหรับประเทศ ซึ่งสามารถใช้เพื่อลดหนี้ของชาติได้เท่านั้น
อย่างไรก็ดี ลัมมิสย้ำมุมมองของเธอบนโซเชียลมีเดียเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม โดยระบุว่าหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ ทะลุหลัก 35 ล้านล้านดอลลาร์แล้ว และบิทคอยน์ อาจช่วยควบคุมตัวเลขดังกล่าวได้
ความเชื่อมโยง : การเมืองและบิทคอยน์
พิธีกรรายการ CNBC เน้นย้ำระหว่างการสัมภาษณ์ของโซโลมอน ว่าสกุลเงินดิจิทัลเรือธงได้กลายมาเป็นประเด็นทางการเมืองที่สำคัญ โดยทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันต่างก็มีจุดยืนที่สนับสนุนภาคส่วนนี้มากขึ้น
อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ เจ. ทรัมป์ ได้เป็นหัวหน้าในงานประชุม Bitcoin2024 เมื่อเร็วๆ นี้โดยคำปราศรัยของเขาทำให้คนจำนวนมากในอุตสาหกรรมมีความหวังมากขึ้นเกี่ยวกับความชัดเจนของกฎระเบียบในอีกไม่กี่เดือนหรือปีข้างหน้า
โดยทรัมป์ได้รับการสนับสนุนอย่างแข็งแกร่งจากทั้งอุตสาหกรรมคริปโตและเทคโนโลยี เนื่องจากเชื่อว่าเขาจะดำเนินนโยบายที่ก้าวหน้า ขณะที่ผู้นำในอุตสาหกรรม ต่างสนับสนุนเขาอย่างเปิดเผยและวิพากษ์วิจารณ์แนวทางของรัฐบาลชุดปัจจุบัน
ในขณะเดียวกัน รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริสได้ปรับเปลี่ยนท่าทีที่ระมัดระวังของรัฐบาลต่อสกุลเงินดิจิทัล และกำลังหาทางร่วมมือกับอุตสาหกรรมนี้ เพื่อหาจุดยืนที่เป็นมิตร อย่างไรก็ตาม บางคนยังคงไม่มั่นใจและเชื่อว่าเธอจำเป็นต้องดำเนินการที่เด็ดขาดกว่านี้ เช่น การเปลี่ยนผู้บริหารของสำนักงาน ก.ล.ต. (SEC) เพื่อเปลี่ยนทัศนคติของสาธารณชน