นายวิศิษฐ์ วิศิษฐ์สรอรรถ ประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และนายกิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ ประธานคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ออกมาประสานเสียง เดินหน้าปราบปรามแก๊งปั่นหุ้นที่ฝังตัวอยู่คู่กับตลาดหุ้นมายาวนาน
ก.ล.ต. ตลาดหลักทรัพย์ และสำนักงานคณะกรรมการปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เตรียมประสานความร่วมมือเพื่อดำเนินมาตรการที่เข้มข้น กำราบแก๊งปั่นหุ้นโดยบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด เข้าอายัดทรัพย์ทันทีที่พบการกระทำความผิด เร่งดำเนินการกล่าวโทษเพื่อเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุน
ปัจจุบัน การดำเนินคดีการปั่นหุ้นเป็นไปอย่างอืดอาดล่าช้า ไม่ว่าจะดำเนินมาตรการลงโทษทางแพ่ง โดยการสั่งปรับ หรือการกล่าวโทษทางอาญาก็ตาม ซึ่งส่วนใหญ่ใช้เวลา 5-7 ปี
เว้นแต่คดีดังที่อยู่ในความสนใจของประชาชน เช่น คดีปั่นหุ้นบริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE หรือคดีแต่งบัญชี บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK ซึ่งใช้เวลาไม่ถึง 1 ปี
การใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งการปั่นหุ้น นอกจากจะทำให้กลุ่มคนที่กระทำผิดไม่เกิดความเกรงกลัวแล้ว คดียังใช้เวลานกว่า ทำให้แก๊งปั่นหุ้นสามารถผ่องถ่ายโยกย้ายเงินออกไปใช้ชีวิตอย่างเสพสุขหลายปี
เมื่อถูกลงโทษสั่งปรับ อาจไม่เหลือเงินจ่ายค่าปรับ ก.ล.ต.จึงเหนื่อยเปล่า
แต่ขั้นตอนดำเนินคดีปั่นหุ้นหรือแต่งบัญชีงบการเงิน หรือความผิดร้ายแรงอื่น ต่อจากนี้จะต้องไม่ใช้เวลานานเป็นปีหรือหลายปีเหมือนในอดีต เพราะจะใช้เวลาเพียงไม่กี่เดือน โดยเมื่อหุ้นมีการซื้อขายผิดปกติ และตลาดหลักทรัพย์ตรวจพบกลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลังความผิดปกติ จะรวบรวมข้อมูลหลักฐานในเบื้องต้น ส่งให้ ก.ล.ต.สอบในเชิงลึก
และอาจอาศัยอำนาจ ปปง. สั่งอายัดทรัพย์สินไว้ก่อน ซึ่งจะทำให้แก๊งปั่นหุ้นเกิดความเกรงกลัว
ส่วนงบการเงินบริษัทจดทะเบียนจะใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI เข้ามาช่วยในการติดตามตรวจสอบ และมีทีมงานพิเศษติดตามงบการเงินโดยเฉพาะ
การแต่งบัญชีงบการเงิน โดยสร้างข้อมูลเท็จ สร้างภาพลวงตาหลอกลวงนักลงทุนเกิดขึ้นมาตลอด เพียงแต่ไม่โจ่งแจ้งจนจับได้คาหนังคาเขาเหมือนคดี STARK ซึ่งวางแผนแต่งบัญชีมาประมาณ 3 ปี
ตัวเลขรายได้ กำไร หรือธุรกรรมการค้าของ STARK เป็นตัวเลขเท็จทั้งสิ้น
แต่ไม่ได้มีเพียง STARK เท่านั้นที่สร้างงบการเงินเทียม เพระเชื่อว่ามีบริษัทจดทะเบียนอีกจำนวนมากที่แต่งบัญชี สร้างความเสียหายให้นักลงทุนที่หลงผิดในผลประกอบการ
การปั่นราคาหุ้น และการแต่งบัญชีงบการเงินเป็นความผิดร้ายแรงในตลาด และสร้างความเสียหายในวงกว้าง ประชาชนผู้ลงทุนนับแสนนับล้านคนต้องหมดเนื้อหมดตัว จากแก๊งปั่นหุ้นและผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนที่สร้างงบการเงินปลอม
ไม่เคยมีผู้บริหาร ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์คนใดออกมาประกาศสงครามกับแก๊งมิจฉาชีพในตลาดหุ้น ไม่เคยหยิบยกขึ้นมาเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อขจัดแก๊งปั่นหุ้นหรือขบวนการแต่งบัญชีให้สิ้นซาก
แต่ประธานคณะกรรมการ ก.ล.ต.และประธานคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์คนปัจจุบัน เคมีตรงกัน มีจุดยืนและเป้าหมายเดียวกันคือ ต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด รวดเร็ว
การแต่งบัญชีงบการเงิน สร้างตัวเลขเทียม หลอกลวงประชาชนผู้ลงทุนให้หลงผิดจะต้องไม่เกิดขึ้นอีก
แก๊งปั่นหุ้นที่แฝงตัวปล้นประชาชนผู้ลงทุนในตลาดหุ้น ซึ่งวันนี้ยังมีอยู่หลายสิบแก๊ง จะต้องถูกพิฆาตให้สิ้นซาก
การปราบโกงในตลาดหุ้นมีความจำเป็นเร่งด่วนและมีความสำคัญไม่น้อยกว่าการโกงระดับชาติ
เพราะรากฐานของตลาดหุ้นถูกกัดกร่อนจากแก๊งโกงมาตลอด นักลงทุนบาดเจ็บล้มตายระหว่างทางก่อนถึงวันนี้นับล้านๆ คนแล้ว
ไม่รู้ 49 ปีของตลาดหลักทรัพย์ และ 32 ปีของ ก.ล.ต. ผู้บริหารของ 2 องค์กรนี้ไปงมโข่งอยู่ที่ไหน ปล่อยให้แก๊งมิจฉาชีพระบาดอยู่เต็มตลาดหุ้น