ผู้ก่อตั้งเหรียญ Tron เรียกร้องให้จีนพิจารณานโยบายบิทคอยน์ใหม่ เพื่อตอบสนองต่อ การสนับสนุนสินทรัพย์ดิจิทัลล่าสุด จากการปาฐกถาล่าสุดของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์และวิสัยทัศน์ของเขาที่มีต่อสหรัฐอเมริกาในฐานะผู้นำด้านสกุลเงินดิจิทัลระดับโลก
ในระหว่างการประชุม Bitcoin 2024 ที่เมืองแนชวิลล์ ทรัมป์ให้คำมั่นว่าจะรับรองว่า "รัฐบาลสหรัฐฯ จะไม่ขายบิทคอยน์ จำนวน 210,000 หน่วยที่ตนถือครองอยู่ " รวมถึง BTC ใดๆ ในอนาคตที่ตนถือครองอยู่ นอกจากนี้ ทรัมป์ยังกล่าวอีกว่ารัฐบาลของเขาจะสร้างนโยบายที่มุ่งหวังให้สหรัฐฯ เป็น "มหาอำนาจ" ของบิทคอยน์และสกุลเงินดิจิทัล
ทำให้ จัสติน ซันผู้ก่อตั้งเหรียญ Tron ตอบสนองต่อท่าทีของทรัมป์ทันที โดยเขาเน้นย้ำถึงประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้นจากแนวทางการแข่งขันระหว่างจีนและสหรัฐฯ ในนโยบายบิทคอยน์ ซึ่งเขาเชื่อว่าการแข่งขันดังกล่าวสามารถขับเคลื่อนความก้าวหน้าและการเติบโตภายในอุตสาหกรรมทั้งหมดได้
โดยซันเรียกร้องไปยังประเทศจีนว่า “จีนต้องไม่เพิกเฉยท่าทีนี้ และจีนยังจำเป็นต้องก้าวขึ้นมาอีกขั้น”
ประเทศจีนแบนบิทคอยน์และเหมืองขุดคริปโต
ในอดีต จีนเป็นผู้นำในการขุดและซื้อขายบิทคอยน์ โดยนักขุดในประเทศคิดเป็นกว่า 70% ของอัตราแฮชของเครือข่ายบิทคอยน์ในปี 2560 อย่างไรก็ตาม นโยบายของประเทศเริ่มเปลี่ยนแปลงไปในช่วงปลายปีเดียวกันโดยรัฐบาลห้ามการเสนอขายเหรียญครั้งแรก (ICO) และปิดการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลในประเทศ ซึ่งนี่นี่ถือเป็นจุดเริ่มต้นของจุดยืนต่อต้านคริปโตของจีน แต่ถึงแม้จะมีข้อจำกัดเหล่านี้ การดำเนินการขุดในประเทศก็ยังคงเฟื่องฟูเนื่องจากต้นทุนไฟฟ้าที่ต่ำ ทำให้จีนเป็นผู้นำที่โดดเด่นในภาคส่วนการขุดระดับโลกเป็นเวลาหลายปี
อย่างไรก็ตาม ภูมิทัศน์ด้านกฎระเบียบในท้องถิ่นเปลี่ยนแปลงอย่างมากในปี 2564 เมื่อหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน ประกาศปูพรมปราบปรามการขุดและการซื้อขายบิทคอยน์ทั่วประเทศ เนื่องจากกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการเงิน และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งทำให้การมีส่วนร่วมของจีนในตลาดโลกลดลงอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม คำสั่งห้ามดังกล่าวยังคงมีผลบังคับใช้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทำให้จีนเป็นหนึ่งในประเทศที่เข้มงวดที่สุดเกี่ยวกับกฎระเบียบด้านสกุลเงินดิจิทัล ในขณะเดียวกัน จีนก็ได้สำรวจเทคโนโลยีบล็อคเชนและสกุลเงินดิจิทัลผ่านช่องทางรวมศูนย์ โดยได้มีการทดลองใช้หยวนดิจิทัลในการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาวปี 2565 ซึ่งจีนเป็นเจ้าภาพ และได้รับผลตอบรัลและผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจอย่างมาก
โดยธนาคารประชาชนแห่งประเทศจีน (PBoC) ได้ดำเนินการพัฒนาและส่งเสริมหยวนดิจิทัล มุ่งมั่น ซึ่งหยวนดิจิทัลเป็นสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) ที่ออกแบบมาเพื่อทำหน้าที่เป็นรูปแบบเงินสดดิจิทัล CBDC โดยถูกควบคุมโดยรัฐบาลอย่างสมบูรณ์ และมีวัตถุประสงค์เพื่อแข่งขันกับสกุลเงินดิจิทัลแบบกระจายอำนาจ โดยให้ทางเลือกอื่นที่มีการควบคุมและมีเสถียรภาพ
ทั้งนี้คำพูดของซันดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางข่าวลือที่ว่าจีนอาจเปลี่ยนจุดยืนเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลอย่างเป็นนัยผ่านนโยบายส่งเสริมการลงทุนด้านสินทรัพย์ดิจิทัลและการทดสอบระบบเพื่อสำรวจความต้องการในฮ่องกง ซึ่งฮ่องกงเองก็ปักธงนโยบายที่จะกำหนดตำแหน่งตัวเองให้เป็นศูนย์กลางด้านสกุลเงินดิจิทัล ที่กำลังเติบโตโดยได้รับการสนับสนุนทางอ้อมจากปักกิ่ง
อย่างไรกก็ดี การเรียกร้องของซัน ให้จีนปรับปรุงนโยบายด้านสินทรัพย์ดิจิทัลหรือบิทคอยน์ใหม่นั้น เพื่อเน้นย้ำถึงข้อดีที่อาจเกิดขึ้นจากการส่งเสริมการแข่งขันระหว่าง 2 มหาอำนาจเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดคือสหรัฐ และจีน ด้วยการที่สหรัฐฯ ดูเหมือนจะเริ่มคุ้นเคยกับบิทคอยน์ภายใต้ข้อเสนอของทรัมป์ ขณะที่ชุมชนคริปโตทั่วโลก กำลังจับตาดูอย่างใกล้ชิดว่าท่าทีของจีนนับจากนี้จะตอบสนองอย่างไร