Ethereum ที่เป็น 9 อันดับแรกของสหรัฐฯ ล่าสุดมีราคาปรับตัวลดลง -8.40% โดยมีราคาซื้อขายอยู่ที่ 3,174.99 ดอลล่าร์/ETH ล่าสุดหลังเปิดซื้อขาย Spot Ether ETF เพียง 2 วัน พบว่าเม็ดเงินในกองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยนไหลออกสุทธิกว่า 133.16 ล้านดอลลาร์ สวนทางกระแสเงินไหลเข้าเชิงบวกในวันอังคาร
ในวันที่ 2 ของการซื้อขายตามข้อมูลจาก SosoValue รายงานว่า Spot Ether ETF ของ Grayscale Ethereum Trust (ETHE) มีเงินไหลออกสุทธิ 326.86 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นเพียงกองทุนเดียวที่มีเงินไหลออกมากที่สุดในกลุ่ม Ether
ขณะที่ FETH ของ Fidelity กลับเป็นผู้นำในกลุ่มที่มีเงินไหลเข้าด้วยมูลค่า 74.46 ล้านเหรียญสหรัฐ ตามมาด้วย Grayscale Ethereum Mini Trust ที่มีเงินทุน 45.93 ล้านเหรียญสหรัฐ Bitwise ETHW ที่มีเงินทุน 29.64 ล้านเหรียญสหรัฐ และ VanEck ETHV ที่มีเงินทุนไหลเข้าสุทธิ 19.84 ล้านเหรียญสหรัฐ
ขณะที่ ETHA ของ BlackRock มีเงินไหลเข้าสุทธิ 17.44 ล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับเงินไหลเข้า 266.55 ล้านดอลลาร์เมื่อวันอังคาร
ทั้งนี้กองทุน ETF ซื้อขายแบบ Spot Ether สร้างปริมาณการซื้อขายได้ประมาณ 951 ล้านดอลลาร์ในวันพุธ เมื่อเทียบกับ 1.05 พันล้านดอลลาร์ในวันอังคาร ซึ่งเป็นวันแรกของการซื้อขาย
นอกจากนี้ตามข้อมูลของ Yahoo Finance ที่รวบรวมโดย The Block Pro Research พบว่า กองทุนทั้ง 9 กองทุน มีเงินไหลเข้าสุทธิประมาณ 106.78 ล้านดอลลาร์ในวันอังคาร
เม็ดเงินย้ายไปเข้าฝั่ง ETF Bitcoin
ในขณะเดียวกันตามข้อมูล ของ SosoValue รายงานว่ากองทุน ETF ที่ซื้อขายบิทคอยน์ 11 แห่งในสหรัฐฯ มีกระแสเงินไหลเข้ากองทุนประมาณ 44.51 ล้านดอลลาร์ในวันพุธ โดย GBTC ของ Grayscale เป็นกองทุน ETF ซื้อขายบิทคอยน์เพียงกองทุนเดียว ที่สวนทางกองทุนอื่น โดยมีกระแสเงินไหลออกสุทธิติดลบ 26.22 ล้านดอลลาร์
ขณะที่ IBIT ของ BlackRock บันทึกเงินไหลเข้าสุทธิ 65.99 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถือเป็นเงินไหลเข้าสูงสุดในบรรดากองทุน Bitcoin รองลงมาคือ Ark และ 21Shares โดย ARKB ที่มีเงินไหลเข้าสุทธิ 3.29 ล้านเหรียญสหรัฐ และ Fidelity (FBTC) ที่มีเงินไหลเข้าสุทธิ 1.44 ล้านเหรียญสหรัฐ
ทั้งนี้ Ether ร่วงลง -8.24% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และมีการแลกเปลี่ยนซื้อขายประมาณ 3,158 ดอลลาร์ ณ เวลาที่เผยแพร่บทความนี้ โดยราคาบิทคอยน์เองก็มีการปรับตัวลดลง -3.46% โดยมีราคาซื้อขายที่ระดับ 63,901 ดอลลาร์ ซึ่งนักวิเคราะห์ประเมินว่านักลงทุนยังคงชั่งน้ำหนักที่มาจากผลกระทบของโอนสินทรัพย์ครั้งล่าสุดของ Mt. Gox และการพัฒนาเศรษฐกิจมหภาค
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ เองก็มีการปรับตัวร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบหลายสัปดาห์โดยเมื่อวันพุธดัชนี Nasdaq Composite ปิดตัวลง 3.6% ถือเป็นวันที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2565 ขณะที่ดัชนี S&P 500 ลดลง 2.3% ถือเป็นวันที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2565
