โดนัลด์ ทรัมป์ อ้าแขนรับคริปโต เชื่อดีต่อประเทศ และอเมริกาควรดันตัวเองขึ้นเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนี้ก่อนชาติอื่น โดยเฉพาะจีน ขณะที่มาร์ก คิวบัน นักลงทุนชื่อดัง คาดความไม่แน่นอนด้านภูมิรัฐศาสตร์และดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงอาจส่งให้บิตคอยน์กลายเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยสำหรับการออมทั่วโลก
ในระหว่างการให้สัมภาษณ์กับบลูมเบิร์ก บิสเนสวีกเมื่อเร็วๆ นี้ที่มีการนำออกเผยแพร่เมื่อวันอังคาร (16 ก.ค.) อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้พูดถึงวิสัยทัศน์ด้านเศรษฐกิจทั้งประเด็นภาษี ภาษีศุลกากร ประธานผู้ว่าการธนาคารกลาง (เฟด) และคริปโต ซึ่งมุมมองเหล่านี้ล้วนตอกย้ำแนวนโยบายในการผ่อนคลายกฎระเบียบควบคู่ไปกับการกีดกันการค้า
สำหรับประเด็นคริปโต ทรัมป์ที่เป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 5 พ.ย.นั้น ตอกย้ำการเปลี่ยนแปลงจุดยืนจากที่เคยวิจารณ์บิตคอยน์และเงินดิจิทัลสกุลอื่นๆ อย่างรุนแรง กลับกลายมาเป็นอ้าแขนรับเนื่องจากมองเห็นศักยภาพที่อเมริกาจะก้าวขึ้นเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนี้
ทรัมป์ชี้ว่า การส่งเสริมอุตสาหกรรมคริปโตภายในประเทศจะช่วยป้องกันไม่ให้ประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจีนผงาดขึ้นมาครอบงำตลาดนี้
เขายังบอกอีกว่า อุตสาหกรรมคริปโตของอเมริกามี “พื้นฐานที่ดี” แม้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นก็ตาม และคุยว่า ตนเองรู้จักนักธุรกิจชั้นนำในอุตสาหกรรมนี้
ทรัมป์เริ่มให้การรับรองอุตสาหกรรมคริปโตในอเมริกาเมื่อไม่นานมานี้ โดยในเดือนพฤษภาคมทีมหาเสียงของเขาเริ่มเปิดรับบริจาคด้วยคริปโต และระดมทุนสนับสนุนได้ 3 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่ผ่านมา ทั้งนี้ จากรายงานของวอลล์สตรีท เจอร์นัล
ตัวแทนพรรครีพับลิกันผู้นี้ยังประกาศว่า หากได้กลับสู่ทำเนียบขาวอีกสมัย จะสนับสนุนการขุดเหมืองบิตคอยน์และการดูแลรักษาสินทรัพย์คริปโตด้วยตนเอง รวมทั้งป้องกันไม่ให้เฟดออกสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง (ซีบีดีซี) ซึ่งจะมาแข่งขันกับอุตสาหกรรมคริปโตเอกชน
ต้นสัปดาห์นี้ทรัมป์ยังเลือกเจ.ดี. แวนซ์ เป็นคู่ชิงชัยในตำแหน่งรองประธานาธิบดี โดยวุฒิสมาชิกรีพับลิกันจากรัฐโอไฮโอผู้นี้มีจุดยืนสนับสนุนคริปโต และวิจารณ์คณะกรรมการกำกับดูแลหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (เอสอีซี) ระหว่างการฟ้องร้องสตาร์ทอัพคริปโต DEBT Box
บรรดาผู้เล่นทรงอิทธิพลในโลกคริปโต อาทิ ไทเลอร์และคาเมรอน วิงเคิลวอสส์ สองผู้ก่อตั้งเจมิไน, เคธี วูดส์ ซีอีโออาร์ก อินเวสต์ และเจสซี พาวเวลล์ ผู้ร่วมก่อตั้งคราเคน ตลอดจนถึงอีลอน มัสก์ ผู้ก่อตั้งเทสลาและสเปซเอ็กซ์ ต่างออกมาสนับสนุนหรือบริจาคเงินให้ทีมหาเสียงทรัมป์กันอย่างคึกคัก
นอกจากนั้น ราคาคริปโตที่เกี่ยวข้องกับทรัมป์ยังพุ่งแรงหลังจากการพยายามลอบสังหารอดีตประธานาธิบดีผู้นี้ เช่น โทเคน MAGA ที่ราคาทะยานจาก 6.31 ดอลลาร์ไปอยู่ที่ 10.36 ดอลลาร์ภายในไม่กี่นาทีหลังเหตุการณ์ดังกล่าว
มาร์ก คิวบัน ผู้ประกอบการและนักลงทุนชื่อดัง กล่าวถึงการที่ซิลลิคอนแวลลีย์สนับสนุนทรัมป์ว่า อาจสะท้อนถึงส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ที่ครอบคลุมในการพยายามเข้าไปมีอิทธิพลในตลาดบิตคอยน์ของเหล่าบิ๊กเทค
คิวบัน เจ้าของทีมบาสเก็ตบอล ดัลลัส แมฟเวอริกส์ เชื่อว่า ราคาบิตคอยน์จะไปไกลกว่าที่หลายคนคิด อันเนื่องมาจากบทบาทที่เพิ่มขึ้นในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยสำหรับการออมทั่วโลก และการที่คริปโตสกุลนี้มีจำนวนจำกัด
เขาย้ำว่า มาตรการลดภาษีที่ทรัมป์หาเสียงอาจดันอัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้น ซึ่งปกติแล้วมักส่งผลดีต่อราคาบิตคอยน์
คิวบันยังตั้งข้อสังเกตว่า การที่บทบาทด้านภูมิรัฐศาสตร์ของอเมริกากำลังเป็นที่เคลือบแคลงของทั่วโลกซึ่งส่งผลกระทบต่อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินสำรอง อาจสร้างเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยต่อราคาบิตคอยน์เช่นเดียวกัน
เขาอธิบายว่า ความไม่แน่นอนด้านภูมิรัฐศาสตร์และการอ่อนค่าของดอลลาร์อาจผลักดันให้บิตคอยน์กลายเป็นแหล่งลงทุนที่ปลอดภัยสำหรับการออมของคนทั่วโลกเช่นเดียวกับทองคำในช่วงที่เศรษฐกิจมีปัญหา ซึ่งหมายความว่า หากความไว้ใจในสกุลเงินและระบบการเงินดั้งเดิมแห้งเหือดลง นักลงทุนทั้งรายย่อยและสถาบันอาจหันไปถือครองบิตคอยน์มากขึ้นเพราะเชื่อว่า เป็นสินทรัพย์ที่สามารถรักษามูลค่าและวางใจได้
จากอดีตที่ผ่านมา สินทรัพย์ที่ถูกมองว่า เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ มักราคาพุ่งขึ้นระหว่างที่เศรษฐกิจไร้ความแน่นอน ซึ่งคิวบันมองว่า บิตคอยน์รับบทบาทเดียวกับทองคำ และมีแนวโน้มว่า จะได้ประโยชน์จากการที่ความเชื่อมั่นในเงินจริงสั่นคลอนลง
เขาชี้ว่า แนวโน้มนี้ปรากฏขึ้นแล้วในหลายประเทศ เช่น เวเนซุเอลาและซิมบับเวที่เผชิญภาวะเงินเฟ้อขั้นรุนแรงและค่าเงินท้องถิ่นร่วงลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ประชาชนหันไปหาสินทรัพย์ที่มีเสถียรภาพมากกว่าเพื่อรักษาความมั่งคั่งของตนเอง ซึ่งในกรณีของสองประเทศนี้คือบิตคอยน์