กระทรวงการคลังได้เปิดตัวโครงการ “Ignite Finance” ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของวิสัยทัศน์ “Ignite Thailand” ของนายกรัฐมนตรีที่มุ่งเน้นการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางของ 8 อุตสาหกรรมหลัก โดย “Ignite Finance” มีเป้าหมายเพื่อยกระดับประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการเงินระดับโลก ซึ่งงานนี้จัดขึ้นที่กระทรวงการคลัง โดยมีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง คณะรัฐมนตรี ผู้บริหารกระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์และสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย และผู้นำจากสถาบันการเงินทั้งในและต่างประเทศที่เกี่ยวข้อง
วันนี้ (19 ก.ค.) รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้กล่าวต้อนรับผู้ร่วมงานและกล่าวถึง ประวัติศาสตร์ของกระทรวงการคลังในการการปรับตัวและบทบาทในการสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจของประเทศไทยในช่วง 149 ปีที่ผ่านมา และได้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของกระทรวงการคลังในการพัฒนาโครงสร้างเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพและเต็มไปด้วยนวัตกรรม เพื่อให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันได้ในเวทีการเงินโลก
ในการปาฐกถา นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้กล่าวถึงวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ภายใต้ “Ignite Finance” โดยวางแผนและเป้าหมายที่มุ่งเน้นการปฏิรูปการกำกับดูแลการประกอบธุรกิจทางการเงินการสิทธิประโยชน์รูปแบบใหม่ และการเสริมสร้างระบบนิเวศน์ทางการเงินที่เอื้อต่อการประกอบธุรกิจและให้ประชาชนสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ในอัตราที่เหมาะสม ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการเงินโลก หรือ Thailand Financial Center ที่จะเน้นการประกอบธุรกิจหลัก 5 ประเภท ได้แก่ ธุรกิจธนาคาร ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล และธุรกิจประกันภัย ผ่าน 3 กุญแจสำคัญ
1. กฎหมายที่พร้อมรับอนาคต: รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการยกร่างกฎหมายที่มีความยืดหยุ่น โปร่งใส และเอื้อต่อการประกอบธุรกิจ ภายใต้โครงการ Ignite Thailand ภาครัฐจะผลักดันร่างกฎหมายที่จะสร้างกรอบการกำกับดูแลแบบเบ็ดเสร็จ เพื่อให้กระบวนการทั้งหมดตั้งแต่การขอใบอนุญาตจนถึงการกำกับดูแลมีประสิทธิภาพ อีกทั้งเพื่อให้มีการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างรวดเร็วและตอบโจทย์ผู้ประกอบธุรกิจ เพื่อขยายขอบเขตและบทบาทของภาคการเงินของประเทศไทยในเวทีโลก
2. สิทธิประโยชน์รูปแบบใหม่: Ignite Finance จะสร้างให้ประเทศไทยเป็นตัวเลือกแรกที่สถาบันการเงินหรือผู้ให้บริการทางการเงินเลือกที่จะมาตั้งสาขาและประกอบธุรกิจ ด้วยสิทธิประโยชน์รูปแบบใหม่ ซึ่งรวมถึงการจัดตั้งบริษัทและการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว การให้วีซ่าทำงานแก่บุคลากรและวีซ่าที่เกี่ยวข้องของครอบครัว การจัดเก็บภาษีที่เทียบเท่ากับศูนย์กลางการเงินอื่น โครงการเพิ่มแรงจูงใจอื่น ๆ เช่น เงินสนับสนุน (Grant)
3. ระบบนิเวศน์แห่งอนาคต: Ignite Finance จะพัฒนากรอบกฎหมายที่เข้มแข็งและโปร่งใสที่จะเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการทำธุรกิจทางการเงิน เหมือนที่ประเทศไทยได้ออกกฎหมายว่าด้วยการประกอบสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึงให้ความสำคัญกับโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัยเพื่อสนับสนุนธุรกิจและคุณภาพชีวิตของบุคลากร
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังจะผลิกโฉมนโยบายระบบสถาบันการเงินด้วยการริเริ่มนโยบายระบบสถาบันการเงินภายในประเทศที่สำคัญ โดยกระทรวงการคลังร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทยออกประกาศกระทรวงการคลังเพื่อให้มีการประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (Virtual Bank) และการจัดตั้งสถาบันค้ำประกันเครดิตแห่งชาติ (National Credit Guarantee Agency: NaCGA) โดยนโยบายดังกล่าวข้างต้นมุ่งหวังที่จะส่งเสริมการแข่งขันที่เป็นธรรมและเพิ่มการเข้าถึงทางการเงินของประชาชนและผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เพื่อให้ระบบการเงินมีประสิทธิภาพ มั่นคง และตอบโจทย์ของประชาชน
ในคำกล่าวปิดท้าย ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงแผนยุทธศาสตร์เพื่อเปลี่ยนผ่านเศรษฐกิจไทยจากการพึ่งพาการผลิตไปสู่เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยอุตสาหกรรมบริการที่มีมูลค่าสูง โดยการสร้างประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสำคัญด้านการเงิน การลงทุน และการธนาคาร ด้วยการใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกของประเทศไทยและการพัฒนากฎหมายการกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง โครงการนี้จะดึงดูดเงินทุนต่างชาติและผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะสูงมายังประเทศไทย และทำให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางทางการเงินระดับโลก ภายใต้โครงการ Ignite Finance รัฐบาลไม่เพียงมุ่งหวังที่จะพัฒนาภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจของประเทศ แต่ยังมุ่งหวังที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวไทยทุกคน
โครงการ “Ignite Finance” ถือเป็นก้าวสำคัญในการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการเงินระดับโลก ด้วยวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นร่วมกันของภาครัฐและผู้นำในอุตสาหกรรมการเงิน โครงการนี้มีความมุ่งหวังที่จะสร้างระบบนิเวศน์ที่ผู้ประกอบการระดับโลกและวิสาหกิจเริ่มต้นและคนที่มีแนวคิด มารวมตัวกันเพื่อสร้างนวัตกรรมทางการเงินและเทคโนโลยีภายใต้กรอบการกำกับดูแลที่พร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงแห่งอนาคต โดยยังคำนึงถึงเสถียรภาพระบบการเงินของประเทศ เพื่อเปิดทางนำไทยให้เป็นศูนย์กลางการเงินโลก
เมื่อประเทศไทยเริ่มต้นก้าวสำคัญสู่การเปลี่ยนแปลงให้เป็นศูนย์กลางทางการเงินระดับโลก ประเทศพร้อมที่จะจุดประกายอนาคตแห่งความรุ่งเรือง นวัตกรรม และการเป็นผู้นำด้านการเงิน ด้วยความร่วมมือของทุกภาคส่วน เราจะสร้างศูนย์กลางการเงินทัดเทียมกับที่อื่น ๆ ในโลก