xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นไทยร่วง -1.52 จุด กังวล EA ถ่วงส่อยืดเยื้อ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หุ้นไทยปิดตลาดร่วง -1.52 จุด นักวิเคราะห์เผยหุ้นไทยผันผวนเช้าบวกพุ่งแรงหนุนจากการประกาศควบรวมกิจการระหว่าง GULF-INTUCH ดึงราคาหุ้น ADVANC-THCOM ปรับตัวขึ้น เย็นปิดลบ จากความกังวลผลกระทบหุ้น EA ที่ร่วงติดพื้นเป็นวันที่ 2 ประเมินกรอบการลงทุนวันพรุ่งนี้ แนวรับ 1,310 จุด และแนวต้าน 1,325 จุด แนะจับตาดัชนีดาวโจนส์ ดัชนี Nasdaq และดัชนี S&P500 หลังเกิดเหตุผันผวนของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ปรับตัวไม่สอดคล้องกัน

ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 17 ก.ค.2567 ปรับตัวลดลง -1.52 จุด หรือ -0.12% โดยปิดตลาดที่ 1,319.79 จุด มูลค่าการซื้อขาย 46,557.81 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมการซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีเคลื่อนไหวแดนบวกช่วงเช้าจากกระแสการควบรวมระหว่าง GULF และ INTUCH ขณะที่ภาคบ่ายปรับตัวลดลงหลังท่าทีความกังวลในหุ้น EA กลับมากดดันตลาดโดยร่วงติดฟลอร์ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,330.22 จุด ในทิศทางตรงกันข้ามที่ปรับตัวลดลงต่ำสุด 1,318.41 จุด
 
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 143 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 167 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 342 หลักทรัพย์

ด้านปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิกว่า +695.26 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนในประเทศขายสุทธิกว่า -17.65 ล้านบาท บัญชี บล. ขายสุทธิกว่า -474.66 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า -202.95 ล้านบาท

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์

1.INTUCH มูลค่าการซื้อขาย 6,141.58 ล้านบาท ปิดที่ 79.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.75 บาท
2.ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 4,796.64 ล้านบาท ปิดที่ 224.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท
3.GULF มูลค่าการซื้อขาย 4,062.78 ล้านบาท ปิดที่ 45.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.75 บาท
4.DELTA มูลค่าการซื้อขาย 3,608.12 ล้านบาท ปิดที่ 94.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท
5.CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,435.48 ล้านบาท ปิดที่ 57.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท

ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่

1.ADVANCปิดที่ 224.00บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท หรือ 1.82%
2.GULF ปิดที่ 45.00บาท เพิ่มขึ้น 2.75บาท หรือ 6.51%
3.INTUCH ปิดที่ 79.00บาท เพิ่มขึ้น 2.75บาท หรือ 3.61%
4.DELTA ปิดที่ 94.75บาท เพิ่มขึ้น 1.25บาท หรือ 1.34%
5.KBANK ปิดที่ 126.50บาท เพิ่มขึ้น 1.00บาท หรือ 0.80%

ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่

1.EA ปิดที่ 6.40 บาท ลดลง 2.75 บาท หรือ 30.05%
2.SAPPEปิดที่ 93.00บาท ลดลง 2.00 บาท หรือ 2.11%
3.HANA ปิดที่ 47.00บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ 3.09%
4.BBL ปิดที่ 135.00บาท ลดลง 1.50-บาท หรือ 1.10%
5.BCP ปิดที่ 35.00บาท ลดลง 1.25 บาท หรือ 3.45%

ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 1,803.58 จุด เพิ่มขึ้น 1.09 จุด หรือ 0.06% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 824.25 จุด เพิ่มขึ้น 1.63 จุด หรือ 0.20% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 342.94 จุด ลดลง -3.52 จุด หรือ -1.02%


นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ช่วงเช้าดัชนีปรับตัวขึ้นมาจากแรงหนุน บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) และ บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ (INTUCH) ประกาศควบรวมกิจการ ดันราคาหุ้น ADVANC-THCOM ปรับตัวขึ้นตามมาด้วย รวมทั้งมีแรงซื้อเก็งกำไร DELTA ช่วยประคองตลาด

ขณะที่ในช่วงบ่ายดัชนีปรับตัวลงมา โดยยังถูกแรงกดดันจากหุ้น บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) ร่วงติดฟลอร์เป็นวันที่ 2 ซึ่งมีผลกับดัชนีประมาณ 0.8 จุด และปัญหาที่เกิดขึ้นกับ EA ยังกระทบให้เกิดความกังวลการตั้งสำรองหนี้ของกลุ่มแบงก์เจ้าหนี้ในช่วงครึ่งปีหลัง

ส่วนภาพรวมตลาดหุ้นเอเชีย ตลาดหุ้นญี่ปุ่นและไต้หวันมีแรงขายในกลุ่มเทคโนโลยีออกมา เนื่องจากกังวลว่าหากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อาจทำให้สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ รุนแรงมากขึ้น โดยทรัมป์ระบุว่าสหรัฐฯ อาจมีมาตรการเก็บภาษีบริษัทญี่ปุ่นที่อนุญาตให้จีนเข้าถึงเทคโนโลยี นอกจากนี้ ยังระบุว่าไต้หวันควรจ่ายค่าคุ้มครองดินแดนให้สหรัฐฯ ส่งผลให้หุ้น TSMC ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของไต้หวันร่วงลงวันนี้

"แนวโน้มวันพรุ่งนี้คาดดัชนีแกว่งออกด้านข้างซึมตัว แนะติดตามราคาหุ้น EA หากร่วงฟลอร์ที่ 3 จะมีแรงซื้อเข้ามาหรือไม่ โดยประเมินสถานการณ์ของ EA คงต้องหา Strategic Partner เข้ามา รวมทั้งติดตามว่าจะผิดนัดชำระหนี้เงินกู้และหุ้นกู้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นมองว่าธุรกิจของ EA ยังเดินหน้าต่อไปได้ แต่อาจมีปัญหาด้านความเชื่อมั่น รวมทั้งแผนการออกหุ้นกู้ชุดใหม่อาจต้องเลื่อนออกไปหลังจากถูกปรับลดเครดิตเรตติ้งมาเป็น Junk Bond ทั้งนี้ หาก EA มีข่าวดีอาจหนุนให้ราคาหุ้นดีดขึ้นได้ ส่วนปัจจัยต่างประเทศยังต้องติดตามความผันผวนของตลาดหุ้นสหรัฐฯ หลังดัชนีดาวโจนส์ ดัชนี Nasdaq และดัชนี S&P500 เคลื่อนไหวไม่สอดคล้องกัน โดยมองกรอบแนวรับ 1,310 จุด และแนวต้าน 1,325 จุด" นายศราวุธ กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น