นักวิเคราะห์ตลาดคริปโต มองตลาดหมีใกล้จะสิ้นสุดลงแล้วหรือไม่?

หลังจากที่ตลาดคริปโตซึ่งประสบกับความผันผวนอย่างรุนแรง ทำให้หลายคนสงสัยว่าจุดจบใกล้เข้ามาแล้วหรือไม่ ทำให้ Rekt Fencer ผู้ก่อตั้ง X Dao มองว่าชุมชนคริปโตกำลังอยู่ในช่วงขาลงซึ่งคล้ายกับสภาพตลาดเมื่อเดือนมิถุนายน 2566 อย่างไรก็ตาม การพิจารณาข้อมูลอย่างใกล้ชิดจะเผยให้เห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ถึงแม้ว่าความรู้สึกสิ้นหวังโดยทั่วไปจะยังคงเป็นเช่นเดิมก็ตาม

ราคา Altcoin ลดลง

ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาราคาของ altcoin จำนวนมาก ลดลงอย่างรวดเร็ว โดยลดลง 30% ถึง 70% โดยที่การลดลงอย่างมากนี้ทำให้ผู้ลงทุนและนักวิเคราะห์จำนวนมากเกิดความหดหู่ อย่างไรก็ตาม แม้จะมีแนวโน้มที่ดูเลวร้ายนี้ แต่แนวโน้มบางประการบ่งชี้ว่าตลาดอาจฟื้นตัวในไม่ช้า

ที่น่าสังเกตคือ ความรู้สึกของตลาดสกุลเงินดิจิทัลนั้นสะท้อนให้เห็นถึงวันที่ 19 มิถุนายน 2566 เมื่อสกุลเงินดิจิทัลหลักก็อยู่ในจุดต่ำสุดเช่นกัน

เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2566 มูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 1.063 พันล้านดอลลาร์

โดย Bitcoin อยู่ที่ 26,500 ดอลลาร์

Ethereum อยู่ที่ 1,700 ดอลลาร์

และ Solana อยู่ที่ 15.4 ดอลลาร์

ซึ่งราคาเหล่านี้ใกล้เคียงกับระดับที่ตกต่ำในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ตามที่ Titan of Crypto ระบุไว้ นี่อาจเป็นกับดักหมีที่สำคัญ

ปัจจัยเบื้องหลังการลดลง

มีหลายปัจจัยที่ทำให้ตลาดตกต่ำในช่วงนี้ ซึ่งรวมถึงการขายบิทคอยน์ของเยอรมนี และการทยอยคืนเหรียญบิทคอยน์คืนให้กับเจ้าหนี้ หรือ นักลงทุนของ Mt. Gox และนักขุด บิทคอยน์ที่ขายบิทคอยน์ที่ถือครองไว้เพื่อให้ทำกำไรได้ อย่างไรก็ตาม แม้จะมีปัญหาเหล่านี้ นักลงทุนรายใหญ่ยังคงถือบิทคอยน์ไว้ แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในระยะยาวที่แข็งแกร่งในสกุลเงินดิจิทัลนี้

ขณะที่อิทธิพลของบิทคอยน์ซึ่งแสดงให้เห็นส่วนแบ่งการตลาดเมื่อเทียบกับสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ ได้แสดงสัญญาณของแนวโน้มขาขึ้นที่เป็นไปได้ แม้ว่าระดับแนวรับ 58,000 ดอลลาร์จะสูญเสียไปแล้ว แต่ระดับ 50,000 ดอลลาร์อาจเป็นแนวรับการลงทุนได้ แต่โดยปกติแล้วอารมณ์ของตลาดจะฟื้นตัวเมื่อบิทคอยน์ถูกมองว่ามีราคาแพงเกินไป ซึ่งบ่งชี้ว่าอาจเกิดการพลิกกลับในเร็วๆ นี้

สัญญาณการฟื้นตัวของตลาด

เหตุการณ์และปัจจัยต่างๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นอาจกระตุ้นให้ตลาดฟื้นตัว ขณะที่ฟากกลุ่มผู้ประกอบการเหมืองขุดเทขายเหรียญบิทคอยน์ออก หลังจากที่ผลตอบแทนการขุดหลังฮาล์ฟวิ่งปรับตัวลดลง นอกจากนี้ การอนุมัติ ETF ของ Ethereum ที่อาจเกิดขึ้น อาจนำมาซึ่งความสนใจและการลงทุนใหม่ๆ ให้กับตลาด การเปลี่ยนแปลงในสภาพคล่องของสกุลเงินดิจิทัลที่มีเสถียรภาพ โดยเฉพาะ USDT ยังเป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญของอุปสงค์ในตลาดอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม เมื่อมองไปข้างหน้าคาดว่าสภาพคล่องทั่วโลกจะเปลี่ยนแปลงไปในไตรมาสที่ 4 ของปี 2567 และต้นปี 2568 ซึ่งอาจส่งผลดีต่อตลาดคริปโต เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงฤดูร้อนปี 2563 เมื่อ altcoins พุ่งสูงขึ้นหลังจากที่ราคาตก แสดงให้เห็นว่าเราอาจกำลังจะเข้าสู่ช่วงขาขึ้นที่คล้ายคลึงกัน

ในขณะเดียวกัน โดยการมุ่งเน้นไปที่แนวโน้มในระยะยาวและเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น นักลงทุนจะสามารถจัดการกับความผันผวนในปัจจุบันได้ดีขึ้น และเตรียมพร้อมสำหรับผลกำไรที่อาจเกิดขึ้นได้