นักวิเคราะห์ชี้การที่ปริมาณของ stablecoin ซึ่งหมุนเวียนในตลาดคริปโต อาจเป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญของสภาวะตลาดสกุลเงินดิจิทัล และอาจช่วยคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคากระทิงครั้งต่อไปได้
ตามที่นักวิเคราะห์ของ CryptoQuant กล่าว หลังจากที่ราคา Bitcoin ซึ่งเคลื่อนไหวในกรอบจำกัดมาตั้งแต่จุดสูงสุดในเดือนมีนาคม เนื่องมาจากนโยบายการเงินที่เข้มงวดของสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลให้อุปทานของ stablecoin ลดลง
"เหตุผลที่ Bitcoin ไม่สามารถพุ่งขึ้นต่อไปได้อีกนั้น เป็นผลมาจากนโยบายการเงินที่เข้มงวดยิ่งขึ้นในสหรัฐฯ ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2565 ส่งผลให้อุปทาน Stablecoin โดยรวมเริ่มลดลงในช่วงต้นปี 2565 เมื่อธนาคารกลางสหรัฐฯ เริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย" นักวิเคราะห์กล่าว
ผลกระทบต่อนโยบายการเงินของสหรัฐฯ
อุปทานของ Stablecoin เริ่มเพิ่มขึ้นอีกครั้งในช่วงปลายปี 2566 แต่ราคาคงที่อยู่ที่ระดับสูงอย่างต่อเนื่องที่มากกว่า 5% เป็นเวลาหนึ่งปี
นักวิเคราะห์ตั้งข้อสังเกตว่า BTC มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเนื่องจากคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยจะลดลง และนโยบายการคลังจะนำมาซึ่งสภาพคล่องให้กับตลาด
พวกเขาสรุปว่า “การเพิ่มขึ้นของสภาพคล่องของสกุลเงินดิจิทัล ที่มีเสถียรภาพและอุปทานหมุนเวียนผ่านนโยบายการเงินที่ผ่อนปรนมากขึ้นในสหรัฐฯ จะเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อผลักดันยให้ Bitcoin เข้าสู่ตลาดกระทิง
อย่างไรก็ตามจนกว่าจะถึงเวลานั้น Bitcoin อาจยังคงซื้อขายในแนวขวาง หรือปรับตัวลดลง ซึ่งแสดงให้เห็นว่านักลงทุนควรใช้มุมมองในระยะยาว
อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง หมายความว่าเงินสดมีความน่าสนใจน้อยลงในการลงทุน และสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงเช่น สกุลเงินดิจิทัลหรือหุ้นเทคโนโลยีกลับมีความน่าสนใจเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ยังคาดว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน โดยให้ข้อมูลเศรษฐกิจยังคงเป็นไปในทางบวก
โดยในช่วงสี่เดือนที่ผ่านมา Bitcoin ผันผวนอยู่ระหว่างระดับสูง 50,000 ดอลลาร์และระดับต่ำ 70,000 ดอลลาร์
Conditions for $BTC to Rise: Stablecoin Liquidity
“The bottom line is that in order for #Bitcoin to rally in earnest, we need to see an increase in stablecoin liquidity and circulating supply” – By @MAC_D46035
Read more 👇https://t.co/2XfjofHghh pic.twitter.com/uCNtzLvi2l— CryptoQuant.com (@cryptoquant_com) July 3, 2024
แนวโน้มระบบนิเวศของ Stablecoin
มูลค่าตลาดของ Stablecoin ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ปัจจุบันอยู่ที่ 161 พันล้านดอลลาร์ คิดเป็นประมาณ 7% ของตลาดคริปโตทั้งหมด ซึ่งน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของจุดสูงสุดในปี 2565
โดย Tether ยังคงเป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดที่ชัดเจนเกือบ 70% นอกจากนี้ อุปทาน USDT ในปัจจุบันยังอยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 112 พันล้านดอลลาร์
ขณะที่ คู่แข่งที่ใกล้เคียงที่สุดคือ Circle ซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 20% โดยมีอุปทานหมุนเวียน 32.5 พันล้านดอลลาร์ ด้าน DAI ของ Maker ซึ่งเป็น stablecoin ที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 โดยมีมูลค่าตลาด 5 พันล้านดอลลาร์ และมีส่วนแบ่งเพียง 3% กว่าเล็กน้อย
ในเดือนมิถุนายน Jeremy Allaire ซีอีโอของ Circle คาดการณ์ว่า Stablecoin อาจคิดเป็น 10% ของ "เงินเศรษฐกิจโลก" ภายในทศวรรษหน้าหรือประมาณนั้น