ฟอร์บส์ ไทยแลนด์ (Forbes Thailand) เผย 10 อันดับมหาเศรษฐีไทย ประจำปี 2567 ปีนี้ "เฉลิม อยู่วิทยา" กระโดดขึ้นมานั่งแท่นอันดับ 1 จากการที่ธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลังมียอดขายมากกว่า 1.2 หมื่นล้านกระป๋องทั่วโลก ขณะที่เจ้าสัวซีพีที่ครองอันดับ 1 มายาวนานเกือบทศวรรษ ร่วงลงมาอยู่อันดับ 2
ในปีนี้ความไม่แน่นอนทางการเมืองได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยังส่งผลให้ดัชนีหุ้นอ้างอิงลดลง 15% นับตั้งแต่ปีที่แล้ว ต่อเนื่องไปถึงผลกระทบจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง ความมั่งคั่งรวมของเหล่ามหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยที่สุดของประเทศจึงลดลงเกือบ 12% เหลือเพียง 1.53 แสนล้านเหรียญสหรัฐ จาก 1.73 แสนล้านเหรียญในปีที่แล้ว
เป็นผลให้มหาเศรษฐีของไทย จำนวน 39 ราย ในปี 67 นี้ มีฐานะร่ำรวยน้อยลง โดยมีเพียง 7 รายที่มีแนวโน้มรวยสวนกระแสเศรษฐกิจจากกำไรของธุรกิจที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดในรูปของค่าเงินดอลลาร์ ได้แก่
- อันดับ 1 (ใหม่) นายเฉลิม อยู่วิทยา และครอบครัว หุ้นส่วนของแบรนด์เครื่องดื่มชูกำลัง Red Bull ที่มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นถึง 2.6 พันล้านเหรียญ ส่งผลให้มูลค่าความมั่งคั่งเพิ่มตามไปด้วยเป็น 3.6 หมื่นล้านเหรียญ (1.32 ล้านล้านบาท) ซึ่งในปี 66 ที่ผ่านมา Red Bull มีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 1.1 หมื่นล้านเหรียญ จากยอดขายเครื่องดื่มชูกำลังที่ขายได้มากกว่า 1.2 หมื่นล้านกระป๋องทั่วโลก
- อันดับ 2 หลังจากครองตำแหน่งอันดับ 1 มายาวนานเกือบทศวรรษ ล่าสุด พี่น้องตระกูลเจียรวนนท์ของกลุ่มเจริญโภคภัณฑ์ ได้ร่วงลงมาอยู่อันดับ 2 โดยเป็นผลจากรายได้ 3.4 หมื่นล้านเหรียญในปีก่อน ลดลงเหลือ 2.9 หมื่นล้านเหรียญในปีนี้ (1.06 ล้านล้านบาท) การลดลงดังกล่าวส่วนหนึ่งเกิดจากการตกต่ำของหุ้นหนึ่งในบริษัท Ping An Insurance ของจีน ซึ่งรายงานผลขาดทุนในธุรกิจบริหารสินทรัพย์ของบริษัทในปี 66 มูลค่า 2.7 พันล้านเหรียญ
- อันดับ 3 มหาเศรษฐีของธุรกิจเครื่องดื่ม อย่างนายเจริญ สิริวัฒนภักดี ต้องเผชิญกับความเป็นจริงอันโหดร้าย โดยความมั่งคั่งหายไปราว 1 ใน 4 ของมูลค่าในปีก่อน ทรัพย์สินหดตัวลงเพียง 1 หมื่นล้านเหรียญในปีนี้ (3.68 แสนล้านบาท) แม้ว่าจะยังครองตำแหน่งอยู่ในอันดับ 3 ตามเดิมเหมือนปีก่อนก็ตาม
- อันดับ 4 ตระกูลจิราธิวัฒน์ ซึ่งถือเป็นเจ้าของกลุ่มธุรกิจเซ็นทรัลที่ได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในห้างสรรพสินค้า Selfridges อันโด่งดังในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษในเดือน พ.ย.ปีที่ผ่านมา จนกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ โดยล่าสุดในปีนี้มีมูลค่าความมั่งคั่งอยู่ที่ 9.9 พันล้านเหรียญ (3.64 แสนล้านบาท) ลดลงจากปีก่อนราว 20%
- อันดับ 5 นายสารัชถ์ รัตนาวะดี มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของมหาเศรษฐีด้านพลังงานและโทรคมนาคม เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เขาเปิดตัวในการจัดอันดับเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ได้ลดลงในปีนี้เป็นครั้งแรกเหลือมูลค่าอยู่ที่ 9.2 พันล้านเหรียญ (3.38 แสนล้านบาท)
- อันดับ 6 นายปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ธุรกิจแพทย์ มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 3.8 พันล้านเหรียญ/1.39 แสนล้านบาท (ขึ้นจากอันดับ 7)
- อันดับ 7 นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา และครอบครัว ธุรกิจแฟชั่นและค้าปลีก มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 3.6 พันล้านเหรียญ/1.32 แสนล้านบาท (ขึ้นจากอันดับ 8)
- อันดับ 8 นายวานิช ไชยวรรณ ธุรกิจการเงินและการลงทุน มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 3.3 พันล้านเหรียญ/1.21 แสนล้านบาท (ร่วงจากอันดับ 6)
- อันดับ 9 ครอบครัวโอสถานุเคราะห์ ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 2.2 พันล้านเหรียญ/8.10 หมื่นล้านบาท (ขึ้นจากอันดับ 10)
- อันดับ 10 นายประยุทธ มหากิจศิริ ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 2.15 พันล้านเหรียญ (7.91 หมื่นล้านบาท)