นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เผยค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (2 ก.ค.) ที่ระดับ 36.76 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงเล็กน้อยจากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 36.72 บาทต่อดอลลาร์ และมองกรอบเงินบาทวันนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.65-36.85 บาท/ดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา ค่าเงินบาททยอยอ่อนค่าลงในลักษณะ sideways up (แกว่งตัวในช่วง 36.68-36.79 บาทต่อดอลลาร์) กดดันโดยการพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ที่แม้ว่าจะถูกกดดันจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่างดัชนี ISM PMI ภาคการผลิตอุตสาหกรรมเดือนมิถุนายน ที่ออกมาแย่กว่าคาด แต่เงินดอลลาร์ยังได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าลงต่อเนื่องของบรรดาสกุลเงินหลัก โดยเฉพาะค่าเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ซึ่งถูกกดดันจากการปรับตัวขึ้นเกือบแตะระดับ 4.50% ของบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ นอกจากนี้ เงินบาทยังถูกกดดันเพิ่มเติมจากจังหวะการย่อตัวลงบ้างของราคาทองคำ (XAUUSD) ตามการปรับตัวขึ้นของทั้งบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ และเงินดอลลาร์
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดผ่านรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ อย่าง ยอดตำแหน่งงานเปิดรับ (Job Openings) ที่ตลาดคาดว่าจะปรับตัวลดลงต่อเนื่องสู่ระดับ 7.86 ล้านตำแหน่ง พร้อมกันนั้น ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของประธานเฟด Jerome Powell เพื่อประเมินโอกาสที่เฟดอาจสามารถลดดอกเบี้ยได้มากกว่าที่ระบุไว้ใน Dot Plot ล่าสุด
ส่วนในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของยูโรโซนในเดือนมิถุนายน และรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB)
สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาทอาจแกว่งตัว sideways ในกรอบ 36.65-36.85 บาทต่อดอลลาร์ไปก่อน จนกว่าตลาดจะรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยเงินบาทอาจพอได้แรงหนุนฝั่งแข็งค่าอยู่บ้าง ตราบใดที่รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ สะท้อนภาพการชะลอตัวของเศรษฐกิจมากขึ้น ทว่า ในช่วงนี้เงินดอลลาร์ดูยังได้แรงหนุนอยู่จากการอ่อนค่าลงของบรรดาสกุลเงินหลัก โดยสกุลเงินฝั่งยุโรป ทั้งเงินยูโร (EUR) และเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงการเมืองที่พร้อมจะกดดันให้สกุลเงินดังกล่าวอ่อนค่าลง ส่วนเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ยังมีความเสี่ยงผันผวนอ่อนค่า ตราบใดที่บอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ไม่กลับมาย่อตัวลง แม้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะออกมาแย่กว่าคาดก็ตาม
นอกจากนี้ เงินบาทอาจผันผวนไปตามโฟลว์ธุรกรรมที่เกี่ยวกับสินค้าโภคภัณฑ์ ทั้งทองคำและน้ำมันดิบ โดยเฉพาะในส่วนของราคาทองคำที่อาจยังอยู่ในช่วงการปรับฐาน และอาจไม่สามารถปรับตัวขึ้นต่อเนื่องได้ จนกว่าจะเห็นการย่อตัวลงของบอนด์ยิลด์สหรัฐฯ หรือตลาดเผชิญความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ที่รุนแรงขึ้น และนอกเหนือจากปัจจัยดังกล่าว เรามองว่า ฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติอาจยังมีความผันผวนอยู่ แม้ว่านักลงทุนต่างชาติจะเริ่มกลับมาซื้อสุทธิหุ้นไทยในวันก่อนหน้าก็ตาม