ตลาดหุ้นไทยครึ่งปีของปี 2567 ซึมเศร้าหนักเจอหลายปัจจัยลบรุมโจมตี ต่างชาติขาดความเชื่อมั่นอย่างแรง เทขายต่อเนื่องยาวนาน เฉพาะเดือนมิ.ย.67 เดือนเดียว ไหลออกกว่า 3.49 หมื่นล้าน และถ้ารวมช่วงครึ่งปีแรก ต่างชาติเทขายไปแล้วกว่า 1.1 แสนล้านบาท ฉะนั้นจึงทำให้หุ้นชั้นนำต่างปรับราคาลงอย่างแรง ซึ่งถ้าโฟกัสไปที่หุ้น ที่มีมาร์เก็ตแคประดับเกินแสนล้านขึ้นไปที่มีผลตอบแทนราคาครึ่งปี 67 ติดลบ มีทั้งสิ้น 10 หลักทรัพย์
1.IVL บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) มาร์เก็ตแคปล่าสุด 109,483.76 ล้านบาท,ผลตอบแทนราคาครึ่งปี 67 คือ -28.44 %, ย้อนหลัง 5 วันคือ -3.47%, ราคา ณ 28 มิ.ย.67 คือ19.50 บาท (ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 35.25 / 18.70 บาท) เหลืออัพไซด์ 34.92% จากราคาเป้าหมาย 26.31 บาท,ค่า P/E - เท่า,อัตราปันผล 4.74%,งบไตรมาส 1/67 กำไรสุทธิ 1,133.00 ล้านบาท ขณะไตรมาส1/66 กำไรสุทธิ 1,023.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 109.60 ล้านบาท หรือ +10.71%
ความเคลื่อนไหวล่าสุด พร้อมเปิดจองซื้อหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุน 1-4 ก.ค.2567 ชูดอกเบี้ย 5 ปีแรกที่ 6.10% ต่อปี และได้รับอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ระดับ “A” และอันดับความน่าเชื่อถือของผู้ออกหุ้นกู้ยังระดับ “AA-” แนวโน้ม “คงที่” จัดโดยบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2567
2.SCC บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) มาร์เก็ตแคปล่าสุด 270,000.00 ล้านบาท,ผลตอบแทนราคาครึ่งปี 67 คือ -26.47%, ย้อนหลัง 5 วัน คือ +0.90%, ราคา ณ 28 มิ.ย.67 คือ225.00 บาท (ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์คือ 330.00 / 217.00 บาท) เหลืออัพไซด์ 23.17% จากราคาเป้าหมาย 292.86 บาท,ค่า P/E 22.85 เท่า,อัตราปันผล 2.67%, งบไตรมาส 1/67 กำไรสุทธิ 2,424.86 ล้านบาท ขณะไตรมาส 1/66 กำไรสุทธิ 16,525.74 ล้านบาท ลดลง 14,100.88 ล้านบาท หรือ -85.33%
บล. เอเซีย พลัส ระบุว่า แนวโน้มธุรกิจของ SCC ในไตรมาส 2/67 ในส่วนของ "ธุรกิจปิโตรเคมี" คาดฟื้นตัวดีขึ้นจากงวดไตรมาส 1/67 จากปริมาณการขายเม็ดพลาสติก Polyolefin (PE และ PP) ที่มีมากขึ้นหลังโรงงานระยองโอเลฟินส์กลับมาเปิดดำเนินงานอีกครั้งปลายเดือน มี.ค.67
3.CRC บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มาร์เก็ตแคปล่าสุด 185,453.25 ล้านบาท,ผลตอบแทนราคาครึ่งปี 67 คือ -25.00%, ย้อนหลัง 5 วัน คือ +4.24%, ราคา ณ 28 มิ.ย.67 คือ 30.75 บาท(ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์คือ 42.50 / 28.00 บาท) เหลืออัพไซด์ 40.23% จากราคาเป้าหมาย 43.12 บาท,ค่า P/E 23.13 เท่า,อัตราปันผล 1.79%,งบไตรมาส1/67 กำไรสุทธิ 2,170.70 ล้านบาท ขณะไตรมาส 1/66 กำไรสุทธิ 2,168.28 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.42 ล้านบาท หรือ +0.11%
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) คาดว่าแนวโน้มกำไรปกติไตรมาส 2/67 จะลดลง QoQ ตามปัจจัยด้านฤดูกาล และไม่มีแรงกระตุ้นจากมาตรการ Easy e-receipt ช่วยหนุนยอดขาย ขณะที่เทียบกับไตรมาส 2/66 ยังไม่เด่น อย่างไรก็ตาม มองว่า CRC จะเริ่มน่าสนใจขึ้นในช่วงครึ่งหลังปีนี้ จากผลประกอบการที่ฟื้นตัวดีขึ้น
4.CPNบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) มาร์เก็ตแคปล่าสุด 247,962.00 ล้านบาท,ผลตอบแทนราคาครึ่งปี 67 คือ -21.07%, ย้อนหลัง 5 วันคือ +0.45%, ราคา ณ 28 มิ.ย.67 คือ55.25 บาท (ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์คือ 70.00 / 53.25 บาท) เหลืออัพไซด์ 49.19% จากราคาเป้าหมาย 82.43 บาท,ค่าP/E 15.53 เท่า,อัตราปันผล 3.26%,งบไตรมาส 1/67 กำไรสุทธิ 4,154.17 ล้านบาท ขณะไตรมาส 1/66 กำไรสุทธิ 3,245.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 908.28 ล้านบาท หรือ +27.98%
บล.เคจีไอ คงคำแนะนำซื้อ แต่ปรับลดราคาเป้าหมาย DCF ลงเหลือ 74 บาท (จากเดิม 85 บาท) หลัก ๆ เพราะฝ่ายวิจัยลด terminal growth rate ลงอยู่ที่ 2% (จาก 4%) ทั้งนี้ ปัจจุบัน CPN เทรดอยู่ราว -2S.D. ของค่าเฉลี่ย P/E และ PB ระยะยาว
5.HMPRO บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) มาร์เก็ตแคปล่าสุด 121,648.58ล้ านบาท,ผลตอบแทนราคาครึ่งปี 67 คือ -20.94%,ย้อนหลัง 5 วันคือ +5.71%, ราคา ณ 28 มิ.ย.67 คือ 9.25 บาท (ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์คือ 14.30 / 8.50 บาท) เหลืออัพไซด์ 52.76% จากราคาเป้าหมาย 14.13 บาท,ค่า P/E 18.59 เท่า,อัตราปันผล 4.32%,งบไตรมาส 1/67 กำไรสุทธิ1,712.84 ล้านบาท ขณะไตรมาส 1/66 กำไรสุทธิ 1,611.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 101.72 ล้านบาท หรือ 6.31%
บล.พาย คาดว่า SSSG ช่วง 2Q24 จะทรงตัวถึงติดลบเพียงเล็กน้อย แม้ว่า SSSG เดือน เม.ย. 2024 ของ HomePro ติดลบ 6% Mega Home +0.5% และ HomePro Malaysia -12% จากปัจจัยเฉพาะตัว โดยเราคาดเห็นการฟื้นตัวชัดเจนในช่วง 2H24 จากการเพิ่มสินค้าใหม่และช่องทางจัดหน่าย รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล
6.PTTGC บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) มาร์เกตแคปล่าสุด 137,519.90 ล้านบาท,ผลตอบแทนราคาครึ่งปี67คือ-20.78 %,ย้อนหลัง 5วันคือ-0.81%, ราคา ณ 28มิ.ย.67 คือ 30.50บาท(ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ52สัปดาห์คือ 41.25 / 29.00 บาท) เหลืออัพไซด์ 26.33% จากราคาเป้าหมาย38.53 บาท,ค่าP/E442.78 เท่า,อัตราปันผล2.46 %,งบไตรมาส1/67 ขาดทุน สุทธิ -606.10ล้านบาท ขณะไตรมาส1/66 กำไรสุทธิ82.45 ล้านบาท
แนวโน้มตลาดและธุรกิจในปี 2567 สถานการณ์เศรษฐกิจโลกโดยรวมมีแนวโน้มเติบโตลดลง และคาดสถานการณ์ทางเศรษฐกิจจะค่อยๆ คลี่คลายอย่างช้าๆ ในช่วงครึ่งปีหลัง จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของนานาชาติ และจะทำให้ภาพรวมทางเศรษฐกิจเริ่มมีทิศทางดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป
7.GPSC บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) มาร์เก็ตแคปล่าสุด 112,084.24 ล้านบาท,ผลตอบแทนราคาครึ่งปี 67 คือ -18.04%, ย้อนหลัง 5 วันคือ -4.79%, ราคา ณ 28 มิ.ย.67 คือ 39.75 บาท(ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 57.75 / 37.00 บาท) เหลืออัพไซด์ 45.68% จากราคาเป้าหมาย 57.91 บาท,ค่าP/E 32.58 เท่า,อัตราปันผล 1.86%,งบไตรมาส 1/67 กำไรสุทธิ 864.02 ล้านบาท ขณะไตรมาส 1/66 กำไรสุทธิ 1,117.67 ล้านบาท ลดลง 253.65 ล้านบาท หรือ -22.69%
ฝ่ายวิจัยหยวนต้าฯ คาดแนวโน้มกำไรไตรมาส 2/67 ปรับตัวขึ้น QoQ และ YoY โดยมีปัจจัยหนุนจากการเข้าสู่ไฮซีซั่นของความต้องการใช้ไฟฟ้าในฤดูร้อน การเพิ่มสัดส่วนผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติชดเชยการผลิตของโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำที่มีข้อจำกัด จากปริมาณน้ำฝนน้อยในช่วงที่ผ่านมา
8.BBL ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) มาร์เก็ตแคปล่าสุด 249,104.00 ล้านบาท,ผลตอบแทนราคาครึ่งปี 67 คือ -16.61%,ย้อนหลัง 5 วันคือ +0.38%, ราคา ณ 28 มิ.ย.67 คือ 130.50 บาท(ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์คือ 175.00 / 129.00 บาท) เหลืออัพไซด์ 32.13% จากราคาเป้าหมาย 172.43 บาท,ค่าP/E 5.93 เท่า,อัตราปันผล 5.36%,งบไตรมาส 1/67 กำไรสุทธิ 10,523.65 ล้านบาท ขณะไตรมาส 1/66 กำไรสุทธิ 10,129.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 394.36 ล้านบาท หรือ +3.89%
โบรกฯคาดกำไร 2Q67 ลดลง y-y แต่เพิ่มขึ้น q-q : คาด BBL จะมีกำไร 2Q67 11.2 พันล้านบาท ลดลง 0.4% y-y จากต้นทุนดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น และคาดกำไรจากเครื่องมือทางการเงินลดลง แต่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากรายได้ดอกเบี้ยที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นได้ต่อ แลคาดว่ากำไรจากเครื่องมือทางการเงินจะเพิ่มขึ้นด้วย
9.OR บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) มาร์เก็ตแคปล่าสุด 192,000.00 ล้านบาท,ผลตอบแทนราคาครึ่งปี 67 คือ -16.23%, ย้อนหลัง 5 วัน ไม่เปลี่ยนแปลง , ราคา ณ 28 มิ.ย.67 คือ 16.00 บาท (ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 21.80 / 15.70 บาท) เหลืออัพไซด์ 32.69% จากราคาเป้าหมาย 21.23 บาท,ค่าP/E 16.21 เท่า,อัตราปันผล 3.25%,งบไตรมาส1/67 กำไรสุทธิ 3,723.20 ล้านบาท ขณะไตรมาส 1/66 กำไรสุทธิ 2,975.01ล้านบาท เพิ่มขึ้น 748.19 ล้านบาท หรือ +25.15%
โบรกฯมองแนวโน้มไตรมาส 2/67 คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นต่อลิตรน่าจะยืนสูงได้ต่อเนื่องตามแนวโน้มค่าการตลาดน้ำมัน นอกจากนี้เชื่อว่าธุรกิจ Lifestyle จะสามารถรักษาความสามารถในการทำกำไรที่สูงไว้ได้ และเชื่อว่าธุรกิจ Mobility น่าจะเห็นการฟื้นตัวของปริมาณขายน้ำมันในประเทศ
10.BAY ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มาร์เก็ตแคปล่าสุด 180,951.74 ล้านบาท,ผลตอบแทนราคาครึ่งปี 67 คือ -12.92%,ย้อนหลัง 5วันคือ +0.41%, ราคา ณ 28 มิ.ย.67 คือ 24.60 บาท(ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์คือ 34.00 / 24.30 บาท) เหลืออัพไซด์ 17.89% จากราคาเป้าหมาย 29.00บาท,ค่าP/E 5.69 เท่า,อัตราปันผล 3.46%,งบไตรมาส 1/67 กำไรสุทธิ 7,542.61 ล้านบาท ขณะไตรมาส 1/66 กำไรสุทธิ 8,676.29 ล้านบาท ลดลง 1,133.68 ล้านบาท หรือ -13.07%
MUFG กลุ่มสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น เข้าลงทุนมูลค่าสูงถึง 195 ล้านดอลลาร์ในบริษัทแอสเซนด์ มันนี่ (Ascend Money) เจ้าของทรูมันนี่ (TrueMoney) ผ่านทางบริษัทกรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด ในกลุ่มธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ซึ่งเป็นธุรกิจในเครือของ MUFG ในประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามว่าในครึ่งปีหลังของปี2567 นั้น หุ้นบิ๊กแคปแสนล้านเหล่านี้ จะมีปัจจัยบวกใดเข้ามาบ้าง และจะสามารถขยับราคาหุ้นขึ้นมาได้หรือไม่ หรือจะทรุดลงไปหนักว่าเดิม ?