หุ้นไทยปิดตลาด - 9.69 จุด นักวิเคราะห์เผยวันนี้หุ้นไทยปรับลงสอดคล้องภูมิภาคที่ได้รับแรงดดันจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า อีกทั้งเงินเยนอ่อนค่าลงแรงต่ำสุดในรอบ 38 ปี สร้างความกังวลว่า BOJ จะเข้าแทรกแซงตลาดเงิน มองกรอบการลงทุนวันพรุ่งนี้แนวต้านที่ 1,311 จุด และแนวต้านถัดไป 1,330 จุด ส่วนแนวรับ 1,300 จุด แนะจับตาปัจจัยทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 27 มิ.ย. 2567 ปรับตัวลดลง -9.69 จุด หรือ -0.73% โดยปิดตลาดที่ 1,309.46 จุด มูลค่าการซื้อขาย 34,178.40 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมการซื้อขายหุ้นในวันนี้ดัชนีปรับตัวลดลงตั้งแต่เปิดทำการซื้อขายในภาคเช้า โดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,316.58 จุด ในทางกลับกันที่ปรับตัวลดลงต่ำสุด 1,307.67 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 156 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 162 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 339 หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า +3,343.49 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิกว่า -2,385.96 ล้านบาท บัญชี บล. ขายสุทธิกว่า -213.03 ล้านบาท และ นักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า -744.50 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.EA มูลค่าการซื้อขาย 2,924.01 ล้านบาท ปิดที่ 15.00 บาท ลดลง 2.20 บาท
2.SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,657.41 ล้านบาท ปิดที่ 104.00 บาท ลดลง 2.00 บาท
3.BH มูลค่าการซื้อขาย 1,050.03 ล้านบาท ปิดที่ 251.00 บาท เพิ่มขึ้น 5.00 บาท
4.TRUE มูลค่าการซื้อขาย 991.22 ล้านบาท ปิดที่ 8.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.15 บาท
5.CPALL มูลค่าการซื้อขาย 982.70 ล้านบาท ปิดที่ 55.75 บาท ลดลง 0.25 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.BH ปิดที่ 251.00บาท เพิ่มขึ้น 5.00 บาท หรือ 2.03%
2.SAPPE ปิดที่ 101.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท หรือ 3.05%
3.BDMS ปิดที่ 27.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือ 0.93%
4.SISB ปิดที่ 37.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือ 0.68%
5.RBF ปิดที่ 9.45 บาท เพิ่มขึ้น 0.15 บาท หรือ 1.61%
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.AEONTSปิดที่ 127.00 บาท ลดลง 3.50 บาท หรือ 2.68%
2.SCC ปิดที่ 224.00 บาท ลดลง 3.00 บาท หรือ 1.32%
3.BBL ปิดที่ 130.50 บาท ลดลง 2.50 บาท หรือ 1.88%
4.EA ปิดที่ 15.00 บาท ลดลง 2.20 บาท หรือ 12.79%
5.SCBปิดที่ 104.00 บาท ลดลง 2.00 บาท หรือ1.89%
ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 1,784.48 จุด ลดลง -14.35 จุด หรือ -0.80% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 811.50 จุด ลดลง -6.08 จุด หรือ -0.74% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 357.48 จุด ลดลง -1.38 จุด หรือ -0.38%
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับลงสอดคล้องภูมิภาคที่ได้รับแรงดดันจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า รวมทั้งความกังวลว่าทางการญี่ปุ่นจะเข้าแทรกแซงตลาดเงินหลังจากเงินเยนอ่อนค่าลงต่ำสุดในรอบ 38 ปี
ขณะที่ตลาดหุ้นไทยวันนี้รับแรงขายหลากหลายกลุ่ม โดยเฉพาะหุ้นใหญ่ในกลุ่มแบงก์และกลุ่มพลังงาน โดยนักลงทุนกังวลแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/67 ชะลอตัวเนื่องจากการเติบโตของเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีแรกได้รับผลกระทบจากเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐล่าช้า อาจทำให้ผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคารได้รับแรงกระแทกไปด้วย ขณะที่กลุ่มพลังงานถูกกดดันจากแนวโน้มราคาน้ำมันดิบในไตรมาส 2/67 ชะลอตัว
อย่างไรก็ดี หุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กฟื้นตัวได้ดี โดยเฉพาะในกลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัว รวมทั้งกลุ่มการแพทย์ช่วยพยุงตลาด แต่ช่วงบ่ายดัชนีเคลื่อนไหวผันผวนจากแรงกดดันการเร่งปิดสถานะ TFEX เนื่องจากวันนี้ครบกำหนดอายุ Series M
"แนวโน้มวันพรุ่งนี้คาดดัชนีมีโอกาสฟื้นตัวในกรอบ โดยคาดว่าแรงกดดันจากการ Rollover สัญญา TFEX เบาบาง รวมทั้งใกล้ถึงวันบังคับใช้มาตรการ Uptick Rule ขณะที่ตลาดยังรอติดตามการรายงานผลประกอบการไตรมาส 2/67 ของกลุ่มธนาคาร และการดีเบตระหว่างนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ และนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐที่เป็นผู้ท้าชิงในวันคืนนี้ โดยให้กรอบแนวรับ 1,300 จุด และแนวต้าน 1,311 จุด แนวต้านถัดไป 1,330 จุด" นายกิจพณ กล่าวทิ้งท้าย