xs
xsm
sm
md
lg

เปิดโปงเหมืองบิทคอยน์เถื่อนในราชบุรี สูญเสียค่าไฟเดือนละ 10 ล้านบาท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ไฟฟ้าภูมิภาคราชบุรี สนธิกำลังร่วมกับตำรวจภูธรอำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี นำหมายศาลบุกค้นเหมืองขุดบิทคอยน์เถื่อนที่แอบลักลอบใช้ไฟฟ้าหลวงเสียหายเดือนละกว่า 10 ล้านบาทโดยสามารถยึดเครื่องขุดบิทคอยน์ได้ 59 เครื่อง คาดมีเครื่องขุดบิทคอยน์ที่ใช้ทำการขุดไม่น้อยกว่า 700 เครื่องก่อนไหวตัวทันย้ายเครื่องหนีก่อนเจ้าหน้าที่บุก

วานนี้ (25 มิ.ย.) พ.ต.อ.ชัชชน นราวุฒิพร ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรอำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี พร้อมด้วยนายสุรวุฒิ น้อยนิมิต ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จ.ราชบุรี และนายวินัย ยุงทอง ผู้จัดการไฟฟ้า อ.โพธารามพร้อมทั้งกองบริการลูกค้าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเขต 1 (ภาคใต้) จ.เพชรบุรี นำหมายศาล จ.ราชบุรี ที่ ค 318/2567 ลงวันที่ 25 เดือน มิถุนายน 2567 ความอาญาเข้าตรวจค้น บริษัท ไมเนอร์ ยูเนี่ยน จำกัด หมู่ที่ 4 ต.เจ็ดเสมียน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี โดยในการตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายพบของกลางเป็นเครื่องชุดเหรียญบิทคอยน์ และอุปกรณ์ต่อพ่วง ซึ่งถือเป็นวัตถุหลักฐานในการประกอบการสอบสวนเพื่อการไต่สวนมูลฟ้องหรือพิจารณาความอาญา โดยมีไว้ในครอบครองหรือได้มาโดยผิดกฎหมาย หรือได้ใช้หรือตั้งใจจะใช้ ในการกระทำความผิด หลังพบความผิดปกติภายในบริษัทดังกล่าวมีการใช้ไฟฟ้าสูงผิดปกติ และไม่ตรงตามข้อมูลและการขอยื่นจดแจ้งใช้ไฟฟ้า

โดยในการตรวจคนครั้งนี้ เจ้าหน้าที่พบ นายวีระพล (สงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี ชาวจังหวัดเลย เป็นผู้ดูแลภายในบริษัทดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้แสดงเอกสารหลักฐานการขอตรวจค้นและได้อ่านหมายศาลให้ทางนายวีระพลได้รับทราบ จากนั้นได้นำกำลังเข้าไปตรวจค้นภายในโรงงานดังกล่าว เมื่อเจ้าหน้าที่เปิดประตูเข้าไป พบว่าภายในพื้นที่ดังกล่าว มีการแบ่งซอยเป้นห้องเล็กๆจำนวนหลายห้อง โดยใช้ทำการเป็นเหมืองขุดบิทคอยน์ และอุปกรณ์ต่อพ่วง นอกจากนี้ยังพบเครื่องขุดบิทคอยน์อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้เป็นเซฟเวอร์สำหรับเหมืองสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) แบบ Cloud Mining นอกจากนี้ในพื้นที่หลังโรงงาน ยังได้มีการนำตู้คอนเทนเนอร์ มาเตรียมไว้เพื่อใช้ทำแท่นวางเครื่องขุดบิทคอยน์อีกจำนวน 3 ตู้ ด้วยกัน รวมแล้วมีเครื่องขุดบิทคอยน์ที่ใช้ดำเนินการกว่า 700 เครื่อง แต่เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดเครื่องได้เพียงแค่ 59 เครื่องเท่านั้น ส่วนที่เหลือ พบร่องรอยการเคลื่อนย้ายเครื่องขุดบิทคอยน์ เซิรฟเวอร์ และอุปกรณ์ต่อพ่วงออกไปนอกพื้นที่ ขณะที่ในการเข้าสอบกล้องวงจรปิด ซึ่งติดอยู่บริเวณโดยรอบ พบว่ามีการถอดเมมโมรี่การ์ดและเครื่องเซฟเวอร์กล้องวงจรปิดออกไปแล้ว

ด้าน พ.ต.อ.ชัชชน นราวุฒิพร ผู้กำกับการ สถานีตำรวจภูธรโพธาราม และ นายวินัย ยุงทอง ผู้จัดการไฟฟ้า อ.โพธาราม กล่าวว่า ทางไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอโพธาราม ได้รับแจ้งจากกองบริการลูกค้าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เขต 1 (ภาคใต้) จังหวัดเพชรบุรีว่า มีการตรวจพบจากระบบการจ่ายไฟฟ้าที่บริเวณนิคมอุตสาหกรรมราชบุรี ในลักษณะของไฟฟ้าที่มีแรงดันไม่สม่ำเสมอผิดปกติ จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบจนพบว่าที่บริเวณหน้าโรงงานดังกล่าวมีกระแสไฟฟ้าที่มีปริมาณการใช้ไฟฟ้าสูงผิดปกติ จึงได้ทำการตรวจสอบจนพบว่าโรงงานแห่งนี้มีการใช้ไฟฟ้าที่ไม่ตรงตามเอกสารที่ยื่นขอขอใช้ไฟฟ้า และยังสืบทราบว่ามีการเปิดเป็นเหมืองขุดเหรียญบิทคอยน์ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ขอหมายศาลจังหวัดราชบุรี พร้อมนำกำลังเข้าตรวจค้นภายใน จนพบว่าโรงงานแห่งนี้จดทะเบียนในนามชื่อ บริษัท ไมเนอร์ ยูเนี่ยน จำกัด ประกอบธุรกิจเหมืองขุดบิทคอยน์

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้ทำการอายัดเครื่องไว้ทั้งหมดและนำส่งพนักงานสอบสวน สสถานีตำรวจภูธรอำเภอโพธาราม เพื่อทำการส่งกองพิสูจน์หลักฐานในการตรวจสอบกำลังไฟฟ้าที่ใช้แต่ละเครื่อง ว่ามีกำลังวัตต์เท่าไหร่ ในการคำนวนพิจารณมูลค่าความเสียหายทั้งหมด พร้อมทั้งตรวจพบว่ามีการดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้า ให้ไฟฟ้าผ่านมิเตอร์ไม่เต็มตามกระแสไฟฟ้าที่ใช้จริง

อย่างไรก็ดีพบว่าราคาเครื่องขุดบิทคอยน์ที่นำมาใช้ในการขุด มีราคากว่าแสนบาทต่อเครื่อง รวมมูลค่าประมาณ 5.9 ล้านบาท (จากจำนวน 59 เครื่องที่ยึดได้) เพื่อดำเนินการตามกฎหมายในข้อหาการลักใช้ไฟหลวง หรือข้อหาลักทรัพย์ ส่วนมูลค่าเบื้องต้นพบลักใช้ไฟหลวงเสียหายเดือนละ 10 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ทางไฟฟ้าส่วนภูมิภาคยังฝากแจ้งเตือนประชาชน หรือผู้ประกอบการในลักษณะนี้ การประกอบการเหมืองบิทคอยน์แม้จะไม่ผิดกฎหมาย แต่การที่ลักลอบแอบใช้ไฟฟ้าถือว่าเป็นเรื่องที่ผิด ซึ่งถ้ามีการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฏหมาย