xs
xsm
sm
md
lg

ASP ขานรับ THAIESG ใหม่ คาดหนุนเม็ดเงินเข้าSET 6-7 หมื่นลบ. ดันดัชนี 1-2%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เอเซียพลัส เชียร์กองทุน THAIESG ใหม่ หลัง คลัง-ก.ล.ต.-ตลาดฯ จับมือปรับเกณฑ์ใหม่ ลดระยะเวลาถือครองเป็น 5 ปี เพิ่มวงเงินซื้อเป็น 3 แสนบาท เชื่อมาถูกจังหวะ ส่งผลดีต่อตลาดหุ้น คาด หนุนกองทุนเพิ่มเงินในพอร์ต สร้าง WINDOW DRESSING ช่วงกลางปี ประเมินมีโอกาสใกล้เคียงกับเม็ดเงินจากกองทุน LTF ที่ 6 – 7 หมื่นล้านบาทต่อปี และทุกๆ 1 หมื่นล้านบาท หนุนให้ SET ขยับขึ้นได้ 1 –2%

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ จาก บล.เอเซีย พลัส (ASPS) เปิดเผยว่า การจัดตั้งกองทุน THAIESG ใหม่ มาในเวลาที่เหมาะสมได้พอดี เพราะ ณ SET INDEX ตรงนี้ มี VALUATION ที่น่าสนใจมาก หลังดัชนีเคลื่อนไหวไม่สอดคล้องกับกำไรบริษัทจดทะเบียนที่ทยอยเพิ่มขึ้น ทั้งยังมี P/E เพียง 14.3 เท่า, PBV 1.22 เท่า และ DIVIDEND YIELD 3.5% น่าจะจูงใจให้เม็ดเงินไหลเข้ามาในกองทุน THAIESG ใหม่ และตลาดหุ้นได้มากขึ้นในช่วงนี้

ส่วนรายละเอียดที่สำคัญของ THAIESG ใหม่ คือ มีวงเงินที่ซื้อได้เพิ่มขึ้น เป็น 3 แสนบาท (เดิมจาก 1 แสนบาท) และระยะเวลาการถือครองน้อยสุดในกองทุนประหยัดภาษีทั้งหมด เหลือเพียง 5 ปี (จากเดิมไม่น้อยกว่า 8 ปี) ส่วนสินทรัพย์ที่ถือครองเป็นหุ้นและตราสารหนี้ที่มีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับ ESG

ดังนั้นในมุมมองฝ่ายวิจัยฯ ประเด็นดังกล่าวถือว่าดีต่อตลาดหุ้นไทยมาก และเข้ามาได้ในเวลาที่เหมาะสมพอดี โดยมีรายละเอียดดังนี้

1. ระยะเวลาการถือครองเพียง 5 ปี สั้นกว่ากองทุนประหยัดภาษีทั้งหมด และกระจายตัวซื้อในเวลาไหนของปีก็ได้ถือว่าดีกว่า LTF ที่ถือครอง 7 ปีปฏิทินมาก เพราะช่วยแก้ปัญหาเม็ดเงินไม่จำเป็นต้องไปกระจุกตัวซื้อกันในช่วงเดือนธ.ค. เหมือน LTF ในอดีต ที่แรงซื้อเกือบ 45% อยู่ในเดือนนี้และแรงซื้อกว่า 65% กระจุกตัวเฉพาะในไตรมาสที่ 4 ของปี และอาจจะช่วงพยุงตลาดในช่วยเวลาหุ้นตกหนักได้ดี

2. อาจหนุนให้เม็ดเงินที่เคยไหลออกไปกองทุนต่างประเทศ หลัง LTF หมดไปกว่า 1 แสนล้านบาท ไหลกลับเข้ามาบ้าง ตั้งแต่กองทุน LTF หมด สิทธิในการลดหย่อนภาษีในปี 2020 มีกองทุนต่างประเทศ (FIF) เพิ่มขึ้นจาก 743 กองทุน เป็น 1174 กองทุน หรือเพิ่มขึ้นมากว่า 431 กองทุน หนุนให้มีเม็ดเงินสลับไปซื้อจน AUM เพิ่มขึ้นกว่า 1 แสนล้านบาท แต่หลังจาก THAIESG ใหม่พร้อมกับหุ้นย่อตัวลงมา ก็อาจจะหนุนให้เม็ดเงินดังกล่าวสลับเข้ามาซื้อได้บ้าง

3. คาดหวังเม็ดเงินจาก THAIESG ใหม่ ไหลกลับเข้ามาหนุนตลาดหุ้น 6 – 7 หมื่นล้านบาท และหนุนให้กองทุนลดสถานะเงินสดและซื้อหุ้นเพิ่มขึ้นในพอร์ตช่วงเวลาที่เหลือของปี

ในปีนี้สถาบันฯ ซื้อสุทธิหุ้นไทยน้อยมากเพียง 4.8 พันล้านบาท (YTD) เท่านั้น ทำให้ปัจจุบันมีการถือเงินสดอยู่ในระดับหนึ่งและบางกองทุนถือเงินสดถึงเกือบ 10% เลยที่เดียว
ฝ่ายวิจัยฯ เชื่อว่าประเด็นนี้น่าจะหนุนให้กองทุนเพิ่มเงินในพอร์ต สร้าง WINDOW DRESSING ช่วงกลางปี และยังรอรับเม็ดเงินจากกองทุน THAIESG เข้ามาสมทบเรื่อยๆ ประเมินมีโอกาสใกล้เคียงกับเม็ดเงินจากกองทุน LTF ที่ 6 – 7 หมื่นล้านบาทต่อปี และเม็ดเงินทุกๆ 1 หมื่นล้านบาท มักหนุนให้ SET ขยับขึ้นได้ 1 –2%

นอกจากนี้ กองทุน THAIESG ใหม่ จะเป็นพระเอกพลิกเกมส์หนุนตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของปี ทั้งนี้มีความเสี่ยงนิดนึงกับปริมาณเงินที่อาจลดลงหากมีการออกกองทุน THAIESG ประเภทตราสารหนี้ออกมาเยอะ

ดังนั้นจึงทำการค้นหาหุ้นที่กองทุน THAIESG ถือมากสุด (ใน 10 กองใหญ่สุดจาก 32 ทั้งหมดกองทุน) หวังจะได้เม็ดเงินค่อยๆ ทยอยเข้ามาเพิ่มเติมในช่วงต่อจากนี้ โดยหุ้นที่กองทุน THAIESG ถือเยอะสุด คือ CPALL ตามมาด้วย AOT, PTT, DELTA, GULF, PTTEP, CPAXT, CPN, BDMS


กำลังโหลดความคิดเห็น