xs
xsm
sm
md
lg

กระตุ้นเที่ยวเมืองรอง 55 จังหวัด หนุนกลุ่มโรงแรมคึกอีกระลอก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ท่องเที่ยวรับผลดีจากงบกระตุ้น ล่าสุดรัฐออกมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง 55 จังหวัดช่วงโลว์ซีซั่น พร้อมเพิ่มเป้าหมายต่างชาติอีก 1 ล้านคน หวังเม็ดเงินรายได้จากการท่องเที่ยวปีนี้เพิ่มอย่างน้อย 500,000 ล้านบาท หลายฝ่ายเชื่อหนุนผลประกอบการหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวรวมทั้งธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องคึก ส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจสดใส โบรกฯ มองราคาหุ้นกลุ่มโรงแรมอ่อนลง หลังประกาศงบไตรมาสแรก จึง เหมาะเข้าเก็บสะสม

หลังจากงบประมาณในโครงการซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในกระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในรูปแบบการจัดงานอีเวนต์ต่างๆ และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มีงบประมาณเกี่ยวกับซอฟต์พาวเวอร์ อาทิ โครงการเที่ยวไทย-มาเลย์ บนแนวคิดการสร้างพลังสร้างสรรค์ เพื่อรองรับการท่องเที่ยวคุณภาพสูงของนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย และนักท่องเที่ยวคุณภาพสูงที่ท่องเที่ยวตามเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงไทย-มาเลเซีย วงเงิน5,585,900 บาท การจัดโครงการ MUAYTHAI SOFT POWER พลังแห่งการขับเคลื่อนสุขภาพและเศรษฐกิจของชาติ วงเงิน 5 ล้านบาท

ล่าสุดมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง 55 จังหวัดในช่วงโลว์ซีซั่น การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนของภาครัฐให้ได้ 70% ของงบทั้งหมด 700,000 ล้านบาท จะทำให้มีเม็ดเงินราว 400,000-500,000 ล้านบาท กระจายลงสู่ระบบเศรษฐกิจของทุกพื้นที่ได้ และจะเป็นแรงส่งให้เศรษฐกิจไทยเริ่มเห็นการฟื้นตัวได้ตั้งแต่ไตรมาส 3 ปีนี้เป็นต้นไป และหากมีการผูกพันงบประมาณ เร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณของปี 2568 ได้ตั้งแต่ไตรมาส 4 ปีนี้ ก็จะช่วยให้เศรษฐกิจสามารถเติบโตได้ดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

นอกจากนี้ การเพิ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติอีก 1 ล้านคน และเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวในปีนี้ อีกอย่างน้อย 500,000 ล้านบาท มาตรการส่งเสริมการลงทุนต่างๆ รวมถึงเงินดิจิทัลวอลเล็ต ที่จะเข้ามาในไตรมาส 4 ก็เชื่อว่า จะทำให้เศรษฐกิจไทย มีโอกาสเติบโตได้ 3.0-3.2% ในปีนี้ ซึ่งเศรษฐกิจไทยจะผันตัวจากเศรษฐกิจขาลง และผ่านจุดต่ำสุดในเดือน มิ.ย. 67


เชื่อท่องเที่ยวคึก หนุนเศรษฐกิจโต

ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยช่วงครึ่งหลังปีนี้คาดว่าจะฟื้นตัวดีกว่าในช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากการท่องเที่ยวเข้าสูงช่วงไฮซีซั่นในไตรมาส 4 นี้ อีกทั้งงบประมาณภาครัฐบาลที่เบิกจ่ายได้ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้และไตรมาสแรก ปี 2568 ซึ่งยังไม่รวมถึงปีงบประมาณปีนี้ที่คาดว่าน่าจะเบิกจ่ายได้ในช่วงต้นปี 2568 รวมถึงอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯหากมีสัญญาณการปรับตัวลดลงจะเป็นปัจจัยบวกต่อการลงทุนในตลาด Emerging Market

ศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลท. กล่าวว่า สำหรับมาตรการลดหย่อนภาษี 2567 เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในเมืองรองและจังหวัดท่องเที่ยวนั้น กุญแจสำคัญคือออกมาในช่วงที่เป็นโลว์ซีซั่น จึงเชื่อว่าสามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้บ้าง แต่ประเด็นสำคัญคือช่วงไฮซีซั่นในช่วงต้นปีและปลายปี ภาคท่องเที่ยวก็ยังเพอร์ฟอร์มได้ดี ไม่มีสะดุด ดังนั้นในปีนี้ภาคท่องเที่ยวยังเป็นพระเอก

โดยเมื่อวันอังคารที่ 18 มิ.ย. ราคาหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวหรือโรงแรม พบว่าบวกถ้วนหน้า ส่งผลให้ดัชนีหุ้นกลุ่ม Toursim ปิดช่วงเช้าของวันดังกล่าวที่ 549.90 จุด เพิ่มขึ้น 7.08 จุด หรือ 1.30% มูลค่าซื้อขาย 635.64 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปิดช่วงเช้าที่ 1,300.48 จุด เพิ่มขึ้น 3.89 จุดหรือ 0.30% มูลค่าซื้อขาย 25,948.43 ล้านบาท


มาตรการกระตุ้นชุดใหญ่ ดันท่องเที่ยวฟื้น 

บล.กรุงศรี จำกัด (มหาชน) มองหุ้น Tourism เป็น A New Upward Cycle พร้อม Upside ของอุตสาหกรรมอิงภาคบริการรอบใหม่กำลังจะเกิดขึ้น หลังรัฐฯอนุมัติมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวชุดใหญ่ โดยมีมาตรการเด่น คือ การเปิดฟรีวีซ่าเพิ่มเป็น 93ประเทศ จากเดิม 57 ประเทศ พำนักสูงสุด 60 วัน มีผลตั้งแต่ 1 มิ.ย. 2567 ประเมินฐานนักท่องเที่ยวเป็น Upside เฉลี่ยปีละ 2.0-2.5 ล้านคน

นักท่องเที่ยวที่จะได้ประโยชน์มาตรการกล่าวราว 28% ของนักท่องเที่ยวรวม คาดการณ์ นักท่องเที่ยวปี 2567 ที่ 36 ล้านคน จะได้ฐานนักท่องเที่ยวกลุ่มพร้อมเร่งขึ้น 10 ล้านคน ผสานข้อมูลนักท่องเที่ยวจีนที่เร่งขึ้นเฉลี่ย 16% หลังมีมาตรการ ฟรีวีซ่าถาวร ซึ่งมีผลช่วงฤดูกาลมาเกี่ยวข้องด้วย ทำให้เชื่อว่าผลบวกที่เกิดจริงโดยไม่มีปัจจัยฤดูกาลจะสูงขึ้นกว่าระดับดังกล่าว) โดยคาดจะส่งผลบวกในปี 2567 ก่อน 1.0 +/- ล้านคน โดยคาดชาวตะวันออกกลางที่กำลังเข้าสู่ช่วงร้อน-ร้อนจัดน่าจะเป็นกลุ่มแรกๆ ที่เริ่มสร้าง Upside ขณะที่ระยะกลาง-ยาว หากมองเป้าหมายรายได้ท่องเที่ยวรัฐฯ ที่วางเป้าหมายเพิ่มเข้ามา 8 แสน – 1 ล้านล้านบาท (สูงมาก vs ปัจจุบัน YTD ถึง 26 พ.ค. ซึ่งอยู่ราว 6.82 แสนล้านบาท) โดยครึ่งหนึ่งมาจากผลบวกนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น (อีกครึ่งหนึ่งคาดมาจากกลุ่มเดิมที่คาดหวังการเข้ามาท่องเที่ยวไทยนานขึ้น)

บล.กรุงศรีฯ ประเมินจะบ่งชี้ Upside นักท่องเที่ยวที่รัฐฯคาดสูง 8-10 ล้านคน แนวโน้มดังกล่าว เราคาดจะช่วยตลาดค่อยๆประเมินภาพ Upside ต่อ กลุ่มอุตสาหกรรมภาคบริการ อาทิ ท่องเที่ยว โรงแรม ค้าปลีก โรงพยาบาล สื่อสาร ดังนั้น เชิงกลยุทธ์ เน้นลงทุนหุ้นที่มีโอกาสได้ประโยชน์สูง ได้แก่ AOT , MINT , ERW ,BH BCH ,CPALL , BJC และTRUE


บล.ฟิลลิป ประเมิน หุ้นกลุ่ม Tourismแนะนำ "ลงทุนมากกว่าตลาด" เพราะภาคการท่องเที่ยวปัจจัยที่ส่งผลต่ออุตสาหกรรมมี 3 ส่วนหลักคือฤดูกาลการท่องเที่ยวซึ่งแตกต่างไปตามแต่ละภูมิภาค เช่น ไทยจะ High Season ช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงมีนาคม ยุโรปจะช่วงเดือนมิถุนายนถึงกันยายน เป็นต้น ซึ่งต้องดูตามโครงสร้างที่มารายได้ของบริษัท เช่น MINT ที่มีธุรกิจโรงแรมในยุโรปอยู่มาก, CENTEL และ ERW ที่มีธุรกิจในประเทศไทยเป็นหลัก ส่วนที่สองคือกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวทั้งจากภาครัฐและเอกชนที่จะเพิ่มความต้องการท่องเที่ยวในภูมิภาคนั้นๆ เช่น Free VISA, งานกีฬาต่างๆ รวมถึงคอนเสิร์ตศิลปินระดับโลก เป็นต้น และสุดท้าย สภาพทางเศรษฐกิจที่จะบ่งบอกว่ากลุ่มคนท่องเที่ยวมีความสามารถในการใช้จ่าย หรือมีข้อบังคับรวมถึงข้อจำกัดอื่นๆ อีกหรือไม่ เช่น โควิด-19 ที่ชะลอเศรษฐกิจและการเดินทางทั่วโลก

โดยภาพรวมไตรมาสแรกปี 2567 อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวฟื้นตัวจากปริมาณนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศไทยและยุโรปนั้น ส่งผลให้บริษัทในกลุ่มโดยได้แก่ MINT, CENTEL, ERW มีรายได้, EBITDA, กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นทั้งเทียบไตรมาสและปีก่อน เว้นแต่ MINT ที่ลดลงเทียบไตรมาสก่อนตาม seasonality

บล.ดาโอ ประเมิน หุ้นกลุ่ม Tourism: คำแนะนำ "Neutral" หลังพบนักท่องเที่ยวสัปดาห์ ล่าสุด (3-9 มิ.ย.) ลดลง 5% เทียบสัปดาห์ก่อน จากมาเลเซียลดแต่จีนเพิ่ม ซึ่ง รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยข้อมูลจำนวนนักท่องเที่ยวสัปดาห์ดังกล่าว มีนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งสิ้น 592,338 คน ลดลง 5% เทียบสัปดาห์ก่อน แต่เพิ่มขึ้น 18% เทียบปีก่อน ซึ่งคิดเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยเฉลี่ยวันละ 84,620 คน โดยการลดลงส่วนใหญ่มาจากการลดลงของนักท่องเที่ยวมาเลเซียอยู่ที่ 82,766 คน ลดลงถึง 45% ขณะนักท่องเที่ยวเกาหลีใต้อยู่ที่ 32,601 คน เพิ่มขึ้น 17% รองลงมาเป็นนักท่องเที่ยวสิงคโปร์ 27,093 คน เพิ่มขึ้น 15% , นักท่องเที่ยวจีนอยู่ที่ 119,720 คน เพิ่มขึ้น 7% และนักท่องเที่ยวอินเดีย 47,690 คน เพิ่มขึ้น 6% โดยการเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากวันหยุด Dragon Boat (เทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง) และมีมาตรการ Ease of travelling ของรัฐบาลช่วยเพิ่มความอำนวยความสะดวกในการเดินทางสู่ไทย สำหรับจำนวน นักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่ 1 ม.ค.-9 มิ.ย. 24 ทั้งสิ้น 15,543,344 คน หรือเพิ่มขึ้น 37%


ดังนั้น บล.ดาโอ มองเป็นกลางต่อกลุ่มท่องเที่ยวจากตัวเลขนักท่องเที่ยวรวมที่ลดลง 5% แต่จีนกลับมาฟื้นตัว โดยการลดลงของจำนวนนักท่องเที่ยวเพราะเข้าสู่ช่วง Low season ของไทย แต่ยังคงมีวันหยุดยาวของต่างประเทศที่ยังช่วย หนุนให้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องได้ โดยนักท่องเที่ยวจีนกลับมาฟื้นตัวได้เพราะยังคงเป็นช่วงวันหยุดยาวจากวันหยุด Dragon Boat (จีนหยุด 8-10 มิ.ย.) โดยหุ้นที่จะได้รับประโยชน์จากมากไปน้อย เรียงตามสัดส่วนรายได้จากสัดส่วนนักท่องเที่ยวจีน คือ ERW, CENTEL, MINT, SHR ทั้งนี้ ภาพรวมของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งปี 2567 ยังอยู่ในกรอบประมาณการนักท่องเที่ยวรวมและนักท่องเที่ยวจีนที่ประเมินไว้

บล.ดาโอ คงประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวรวมปี 2567 เพิ่มขึ้น 17% และนักท่องเที่ยวจีน 56% ซึ่งยังคงประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวรวมปีนี้ จะอยู่ที่ 33 ล้านคน เพิ่มขึ้น 17% และคาดจำนวนนักท่องเที่ยวจีนอยู่ที่ 5.5 ล้านคน เพิ่มขึ้นถึง 56% เทียบปีก่อน และยังชอบ AOT (ซื้อ/เป้า 79.00 บาท), MINT (ซื้อ/เป้า 40.00 บาท) และ ERW (ซื้อ/เป้า 5.80 บาท)


บล.เมย์แบงก์ ประเมินหุ้น Tourism และ แนะนำ "NEUTRAL" เพราะมองว่า ราคาหุ้นผู้ประกอบการโรงแรมที่อ่อนตัวหลังประกาศผลประกอบการไตรมาสแรกปีนี้ น่าจะเป็นโอกาสดีในการเข้าสะสมหุ้น โดยในอดีตราคาหุ้นในช่วงหนึ่งสัปดาห์หลังผลดำเนินงานของฤดูท่องเที่ยวที่ประกาศในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม มักจะผิดหวังเนื่องจากเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซั่น(ยกเว้น MINT ที่ไตรมาส 2 เป็นช่วงพีค ) ซึ่งตลาดจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือนก่อนหุ้นจะมีแรงเข้าสะสมหุ้นอีกรอบ อย่างไรก็ตาม คงมุมมองที่เป็นกลางต่อกลุ่มท่องเที่ยวเนื่องจาก valuation แพงเกินไป แม้ว่าผลประกอบการจะแข็งแกร่งก็ตาม โดย AOT ยังคงเป็น Top Pick เนื่องจากได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่า โดยมีแรงกดดันด้านต้นทุนน้อยกว่าเมื่อเทียบกับโรงแรม

ขณะที่ MINT หุ้นแข็งแกร่งช่วงโลวซีซั่นในไทย ส่วนธุรกิจโรงแรมในยุโรปของ MINT จะได้รับประโยชน์จากช่วงไฮซีซั่นในไตรมาส ด้วย RevPAR ที่เพิ่มขึ้นระยะสั้นจากมหกรรมการแข่งขันกีฬาและคอนเสิร์ตขนาดใหญ่ โดยดอกเบี้ยจ่ายที่ต่ำกว่าคาดจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ ECB ถือเป็นปัจจัยหนุนที่สำคัญ (คาดว่าจะชำระหนี้ 1 หมื่นล้านบาท ปีนี้ เทียบกับ 2 หมื่น ล้านบาทในปี 66) คงแนะนำ ซื้อ MINT ราคาเป้าหมาย 36 บาท และ CENTEL ราคาเป้าหมาย 49 บาท เนื่องจาก PEG สูงในกลุ่มที่ 1.2 เท่า และได้รับผลกระทบน้อยที่สุดจากอุปทานโรงแรมในกรุงเทพฯ ที่เพิ่มขึ้น ขณะผลงานไตรมาสแรกปีนี้ผู้ประกอบการโรงแรมในประเทศไทย รวมถึง ERW และCENTEL ออกมาดีกว่าคาด เนื่องจาก RevPAR ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องและการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ


กำลังโหลดความคิดเห็น