xs
xsm
sm
md
lg

กูรู ปรับลดคำแนะนำลงทุนหุ้นแบงก์ แต่ยังให้ BBL-KBANK เป็น Top Pick

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



CGSI ปรับลดคำแนะนำลงทุนหุ้นกลุ่มแบงก์ เป็น Neutral หลังคาด PPOP เติบโตชะลอตัวในปี 2024-26 ขณะที่มอง ธปท. จะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ส่วน NPL กลุ่มสินเชื่อเพื่ออุปโภคบริโภคสูงขึ้น บวกความวุ่นวายทางการเมืองฉุด แต่ยังแนะ BBL - KBANK เป็น Top pick และปรับลดคำแนะนำ KTB, SCB และ TTB จาก “ซื้อ” เป็น “ถือ”

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ จาก บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ได้ปรับลดคำแนะนำกลุ่มธนาคารเป็น Neutral เพราะคาดว่า PPOP หรือ กำไรสุทธิและกำไรจากการดำเนินงานก่อนการตั้งสำรองจะเติบโตชะลอตัวในปี 2024-2026 ทั้งนี้คาดว่าธนาคารพาณิชย์ไทยจะมีสินเชื่อขยายตัวสูงขึ้นในอัตรา 3.2-3.3% ในปี 2024-25 จาก 0% ในปีที่แล้ว นำโดยกลุ่มสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่และสินเชื่อ SME เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและทำธุรกิจในต่างประเทศ

นอกจากนี้เชื่อว่าสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคจะเติบโตช้ากว่าจากปัญหานี้ครัวเรือนสูง, การที่ธนาคารเพิ่มความเข้มงวดของหลักเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อรวมทั้ง NPL ที่เพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ เชื่อว่ารายได้ดอกเบี้ยสุทธิของธนาคารจะเติบโตลดลงเหลือ 0.2-3.5% ในปี 2024-26 เมื่อเทียบกับ 12.6-18.1% ในปี 2022-23 เพราะคาดว่าต้นทุนดอกเบี้ยจะสูงขึ้นและจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายใน 2H24

สำหรับสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยมีอัตราการเกิด NPL ใหม่สูงขึ้น แม้ว่าธนาคารมีความเข้มงวดมากขึ้นในการพิจารณาสินเชื่อให้กับลูกค้า SME และมีการปล่อยกู้ให้กับลูกค้ากลุ่มนี้น้อยลงตั้งแต่ปี 2017 แต่เรากังวลกับคุณภาพสินทรัพย์ของสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคมากขึ้นเนื่องจากในปี 2023 อัตราส่วน NPL ของผลิตภัณฑ์สินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคทุกกลุ่มเพิ่มสูงขึ้น yoy

ขณะที่ใน 1Q24 พบว่าอัตราส่วน NPL ของสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยพุ่งสูงถึง 102bp yoy และ 33bp yoy ตามลำดับ และเราคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 40-50bp yoy ในปี 2024 ทั้งนี้กลุ่มธนาคารมีอัตราการเกิด NPL ใหม่ใน 1Q24 สูงกว่าค่าเฉลี่ยรายไตรมาสใน 2Q20-4Q23

ปรับเป้ากำไร BBL-KBANK-TTB ขึ้น แต่หั่นของ KTB-SCB

ปรับประมาณการกำไรในปี 2024-25 ของ BBL, KBANK และ TTB ขึ้น 3.8-16.2% แต่ปรับของ KTB และ SCB ลง 9.5-20.0% นอกจากนี้ เราปรับเพิ่มราคาเป้าหมายตามวิธี GGM (Gordon Growth Model) ของ KBANK จาก 168 บาทเป็น 178 บาทและ TTB จาก 1.44 บาทเป็น 1.65 บาท

ขณะที่ปรับลดราคาเป้าหมายของ BBL จาก 193 บาทเป็น 183 บาท, KTB จาก 22.30 บาทเป็น 17.30 บาทและ SCB จาก 145 บาทเป็น 100 บาท

สำหรับคำแนะนำ ยังแนะนำ “ซื้อ” BBL และ KBANK แต่ปรับลดคำแนะนำของ KTB, SCB และ TTB จาก “ซื้อ” เป็น “ถือ”

ปัจจุบัน กลุ่มธนาคารซื้อขายอยู่ที่ P/BV 0.6x ในปี 2024 หรือ -1SD ของค่าเฉลี่ยสิบปี อีกทั้งมีสัดส่วนการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างชาติต่ำที่สุดตั้งแต่ปี 2005 ที่ 41.4% ณ วันที่ 24 พ.ค. 2024 เทียบกับสถิติสูงสุดที่ 61% ในเดือนพ.ย. 2017 ปรับลดจาก Overweight เป็น Neutral; Top pick คือ BBL และ KBANK

ปัจจุบัน เราเลือก BBL และ KBANK เป็นหุ้น Top pick ของกลุ่มธนาคารไทยเนื่องจากธนาคารทั้งสองแห่งมีสัดส่วนสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคน้อยกว่าและยังมีงบดุลแข็งแกร่ง ขณะที่เราปรับลดน้ำหนักการลงทุนในกลุ่มธนาคารภายใต้สมมติฐานที่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้, กลุ่มสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคมี NPL สูงขึ้นและกำไรก่อนตั้งสำรอง (PPOP) เติบโตต่ำในปี 2024-25

อย่างไรก็ตาม กลุ่มธนาคารจะมี upside risk หากการบริโภคภาคเอกชนเพิ่มขึ้น, การส่งออกเติบโตดีขึ้นและรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ ส่วน downside risk จะมาจากคุณภาพสินทรัพย์ที่ลดลงและความวุ่นวายทางการเมืองในไทย


กำลังโหลดความคิดเห็น