นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ออกโรงเตือนถึงความเสี่ยงด้านความมั่นคงทางการเงินที่เกิดจากเทคโนโลยี AI ซึ่งอาจต้องมีการตรวจสอบเชิงลึก เนื่องจากอาจกระทบต่อความมั่นคงและเสถียรภาพของระบบการเงินของรัฐบาลในวงกว้าง
เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯแสดงความกังวลเกี่ยวกับอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากปัญญาประดิษฐ์ (AI) ต่อเสถียรภาพของระบบการเงิน โดย รมว.คลังสหรัฐ กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมเรื่อง AI และเสถียรภาพทางการเงินเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน โดยสุนทรพจน์ของเธอเน้นย้ำถึงความเร่งด่วนในการจัดการกับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นเหล่านี้ และเรียกร้องให้ทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมมือกันหาแนวทางแก้ไข
ขณะที่ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวเสริมว่า: “AI นี้เป็นสาขาที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจมีช่องโหว่ที่อันตราย และกรระทบต่อความมั่นคงต่อระบบการเงินของสหรัฐ”
กังวลความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น
นางเยลเลน มองว่าความก้าวหน้าที่ AI ที่เติบโตอย่างรวดเร็วได้นำมาสู่ภาคการเงิน เช่น การตรวจจับการฉ้อโกงที่ได้รับการปรับปรุง และการบริการลูกค้าที่ได้รับการปรับปรุงผ่านแชทบอท
อย่างไรก็ตาม เธอและผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ เตือนว่าการบูรณาการ AI อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้นอาจนำไปสู่ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น รวมถึงศักยภาพที่ AI จะถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดในการหลอกลวงหรือปั่นป่วนตลาดผ่านข้อมูลที่ผิด
“ข้อมูลที่ไม่เพียงพอหรือผิดพลาด อาจทำให้เกิดความสับสน หรือสร้างความเชื่อที่ผิด และผู้ที่รับข้อมูลหลงเชื่อ ทำให้เกิดอคติใหม่ในการตัดสินใจทางการเงินได้”
เธอเน้นย้ำถึงความซับซ้อนของโมเดล AI ความไม่เพียงพอในกรอบการบริหารความเสี่ยงในปัจจุบัน และการพึ่งพาโมเดลจำนวนจำกัด โดยผู้เข้าร่วมตลาดจำนวนมากเป็นประเด็นสำคัญที่น่ากังวล
ขณะที่กรมธนารักษ์ได้ออกคำขอข้อมูลเพื่อรวบรวมข้อมูลเชิงลึก จากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเกี่ยวกับการใช้งาน โอกาส และความเสี่ยงของ AI ในภาคบริการทางการเงิน โดยโครงการริเริ่มนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อแจ้งการกำหนดนโยบายในอนาคต โดยผสมผสานความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญและแนวทางปฏิบัติในปัจจุบัน
“โอกาสมหาศาลและความเสี่ยงที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับการใช้ AI โดยบริษัททางการเงินได้ทำให้ปัญหานี้กลายเป็นวาระสำคัญของกระทรวงการคลัง และสภากำกับดูแลเสถียรภาพทางการเงิน” นางเยลเลน กล่าว
AI ต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียด
คำเตือนของเยลเลนเกิดขึ้นท่ามกลางการตรวจสอบโดยรัฐบาลในวงกว้าง ทั้งเกี่ยวกับ AI และบริษัทที่อยู่เบื้องหลังเทคโนโลยีนี้ มีรายงานว่า DOJ กำลังเตรียมที่จะตรวจสอบบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีหลายแห่งรวมถึง Nvidia และ Microsoft เกี่ยวกับข้อกังวลเรื่องการต่อต้านการผูกขาดและการแข่งขันที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี AI
ด้านโจนาธาน เคนเตอร์ ผู้บังคับใช้กฎหมายต่อต้านการผูกขาดของสหรัฐฯ ประกาศแผนการสอบสวนภาคส่วน AI เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการผูกขาดที่อาจเกิดขึ้น ตามรายงานของ Financial Times โดยเคนเตอร์ เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการตรวจสอบภูมิทัศน์การแข่งขันของ AI โดยมุ่งเน้นไปที่ด้านต่างๆ เช่น พลังการประมวลผล ข้อมูลสำหรับการฝึกอบรมโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) บริการคลาวด์ ความสามารถด้านวิศวกรรม และฮาร์ดแวร์
นอกจากนี้ เคนเตอร์ยังเน้นย้ำถึงความเร่งด่วนในการดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำเข้ามาผูกขาดตลาด AI เขาแนะนำให้การแทรกแซงด้านกฎระเบียบแบบเรียลไทม์มีประสิทธิผลและไม่รุกราน โดยเฉพาะข้อกังวลด้านการขาดแคลนหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) ที่จำเป็นสำหรับการฝึกอบรม LLM โดยความต้องการที่เพิ่มขึ้นส่งผลต่อการจัดสรรชิปประมวลผลในอุตสาหกรรม