นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ mai รับ บมจ.ชูวิทย์ฟาร์ม (2019) เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายใน mai ภายใต้กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า "CFARM" ในวันที่ 6 มิถุนายน 2567
CFARM ดำเนินธุรกิจฟาร์มปศุสัตว์ ประเภทฟาร์มเลี้ยงไก่เนื้อให้คู่สัญญาชั้นนำในประเทศไทยในรูปแบบเกษตรพันธสัญญาแบบประกันราคา เลี้ยงไก่เนื้อในโรงเรือนด้วยระบบปิดปรับอากาศ (Evaporative Cooling System : EVAP) โดยคู่สัญญาเป็นผู้จัดหาลูกไก่ อาหารและเวชภัณฑ์ ส่วนบริษัทเป็นผู้เลี้ยงไก่เนื้อให้ได้น้ำหนักและคุณภาพที่กำหนดและขายกลับยังคู่สัญญา ซึ่งได้แก่ เบทาโกร ซีพีเอฟ ซันฟู้ด พนัสโพลทรี่ สหฟาร์ม และแหลมทอง เป็นต้น บริษัทมีฟาร์มเลี้ยงไก่ จำนวน 8 ฟาร์ม 121 โรงเรือน ตั้งอยู่ใน 4 อำเภอ เขตพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งบริษัทลงทุนโรงเรือนและอุปกรณ์การเลี้ยงตามมาตรฐานของกรมปศุสัตว์ รองรับการเลี้ยงไก่เนื้อประมาณ 3.18 ล้านตัวต่อรอบการเลี้ยง หรือ 15.88 ล้านตัวต่อปี โดยในไตรมาสแรกปี 2567 บริษัทมีรายได้จากการเลี้ยงไก่เนื้อตามพันธสัญญา ร้อยละ 94 ส่วนที่เหลือร้อยละ 6 เป็นรายได้จากการจำหน่ายผลพลอยได้และรายได้อื่น
CFARM มีทุนชำระแล้วหลังเสนอขาย 580 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 431 ล้านหุ้นและหุ้นสามัญเพิ่มทุน 149 ล้านหุ้น โดยเป็นการเสนอขายต่อบุคคลตามดุลพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์จำนวน 111.75 ล้านหุ้น เสนอขายต่อผู้มีอุปการคุณของบริษัท 22.35 ล้านหุ้น และเสนอขายต่อกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงาน 14.9 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 27-29 พฤษภาคม 2567 ในราคาหุ้นละ 1.35 บาท คิดเป็นมูลค่าการเสนอขาย IPO 201.15 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 783 ล้านบาท
ทั้งนี้ การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO พิจารณาอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio: P/E Ratio) เท่ากับ 26.18 เท่า ซึ่งคำนวณจากกำไรสุทธิ 12 เดือนย้อนหลัง (ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2566 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2567) หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วภายหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ (fully diluted) จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.05 บาท โดยมีบริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม
นายชูรัตน์ จึงธนสมบูรณ์ กรรมการผู้จัดการ CFARM เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายเป็นผู้เลี้ยงไก่เนื้อที่มีคุณภาพ และมาตรฐานสากล ด้วยทีมผู้บริหารและบุคลากรที่มีประสบการณ์มากกว่า 20 ปี จึงมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจฟาร์มปศุสัตว์ สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปก่อสร้างฟาร์ม ปรับปรุงโรงเรือน ลงทุนระบบพลังงานแสงอาทิตย์ ปรบปรุงระบบงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และลดต้นทุนการผลิต นำไปคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินบางส่วน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ
CFARM มีผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO คือ กลุ่มครอบครัวนายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ถือหุ้นร้อยละ 74.31 ส่วนที่เหลือเป็นการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไป ร้อยละ 25.69 บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิของงบการเงินบริษัทภายหลังจากหักภาษีและเงินทุนสำรองตามกฎหมาย