xs
xsm
sm
md
lg

ท่องเที่ยวพุ่งหนุนดีมานด์โรงแรม-ออฟฟิศเช่าธุรกิจบริการอสังหาฯ ลดเสี่ยงเน้นงานบริหารโครงการ-สำนักงานเช่า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สัญญาณตลาดที่อยู่อาศัยในปี 67 นี้ มีทิศทางค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าจะมีอัตราการขยายตัวไม่ต่างจากปีก่อนหน้า เพราะในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาสถานการณ์ตลาดบ้านแนวราบ โครงการที่อยู่อาศัยแนวสูงยังคงชะลอตัวต่อเนื่องจากปีก่อนหน้า เนื่องจากตลาดรวมยังต้องเผชิญกับปัจจัยลบที่ฉุดรั้งตลาด 3 ตัวหลัก คือ แนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น อัตราการปฏิเสธสินเชื่อที่อยู่อาศัยจากสถาบันการเงินที่อยู่ในระดับสูง และปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งสวนทางกับกำลังซื้อ และความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจและรายได้ในอนาคตของผู้บริโภค

จากทิศทางดังกล่าวทำให้ในปีนี้ผู้ประกอบการอสังหาฯ ปรับทิศทางธุรกิจใหม่ โดยการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในกลุ่มอสังหาฯ เพื่อปล่อยเช่า และอสังหาฯ เพื่อรองรับอุตสาหกรรม โรงแรม ออฟฟิศเช่า และธุรกิจรีเทล ซึ่งยังมีทิศทางและแนวโน้มที่ดี เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากการขยายตัวทางด้านท่องเที่ยวเข้ามาผลักดันให้เกิดการขยายตัวที่ดี

รุ่งรัตน์ วีระภาคย์การุณ
นางรุ่งรัตน์ วีระภาคย์การุณ กรรมการผู้จัดการ ซีบีอาร์อี ประเทศไทย กล่าวว่า ภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ในปี 67 ธุรกิจโดยรวมยังอยู่ในทิศทางที่เป็นบวก โดยเฉพาะกลุ่มอสังหาฯ เพื่ออุตสาหกรรม เนื่องจากมีเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่เข้ามาตั้งโรงงานผลิตในประเทศไทย และธุรกิจคลังสินค้าซึ่งส่งผลให้มีความต้องการแวร์เฮาส์ โกดังสินค้าศูนย์การกระจายสินค้าเพิ่มสูงขึ้น และที่ตั้งโรงงานผลิตโดยเฉพาะในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ซึ่งในปัจจุบันมีความต้องการพื้นที่ตั้งโรงงานจากอุตสาหกรรมจำนวนมาก ในบางทำเลความต้องการพุ่งสูงกว่าซัปพลาย

ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวซึ่งกลับมาขยายตัวสูงอย่างมากในปีนี้ ส่งผลให้กลุ่มธุรกิจโรงแรม รีสอร์ตขยายตัวดีมาก หลังจากที่นักท่องเที่ยวกลับเข้าท่องเที่ยวในประเทศไทยเกินกว่าคาดการณ์ โดยในปีนี้คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยกว่า 35 ล้านคน ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณบวกอย่างมากต่อธุรกิจโรงแรม รีสอร์ต บ้านพัก และกลุ่มธุรกิจรีเทลในแหล่งหรือเมืองท่องเที่ยว โดยเฉพาะกรุงเทพฯ นอกจากนี้ กลุ่มอาคารสำนักงานเช่าเป็นอีกธุรกิจที่ได้รับอานิสงส์จากการท่องเที่ยวแม้ว่าตัวเลขซัปพลายเพิ่มพื้นที่เช่าสำนักงานจะปรับตัวสูงขึ้น จนทำให้หลายคนกังวลว่าเกิดโอเวอร์ซัปพลายแต่ในมุมของผู้เช่าแล้วถือเป็นเรื่องที่ดีเพราะจะทำให้มีตัวเลือกมากขึ้น การแข่งที่สูงขึ้นซึ่งจะเป็นผลดีต่อผู้เช่าในตลาด

ขณะที่ตลาดอสังหาฯ เพื่อขายหรือที่อยู่อาศัยในปีนี้จะยังทรงตัวต่อจากปีก่อน โดยเฉพาะตลาดที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งต่างจากอสังหาฯ ในตลาดเมื่องท่องเที่ยวโดยเฉพาะภูเก็ตซึ่งมีดีมานด์ที่พักอาศัยและที่อยู่อาศัยในตลาดระดับบนขยายตัวสูงมาก

ส่วนรีเทลได้ผลพวงจากการที่ทัวริสต์เข้ามามากขึ้น เกิดการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น และมีการเปิดตัวโครงการรีเทลหลายแห่งแต่จะประสบความสำเร็จหรือไม่ขึ้นอยู่กับว่าผู้ประกอบการจับกลุ่มลูกค้าถูกหรือไม่ ขณะที่สถานการณ์ของตลาดอาคารสำนักงานนั้นยังคงมีทิศทางที่ดี โดยเฉพาะอาคารสำนักงานเกรดเอที่ให้ความสำคัญกับเทรนด์สำนักงานเช่าที่เน้นสิ่งอำนวยความสะดวกให้บุคลากรทำงานได้ง่าย และมีประสิทธิภาพมากขึ้น


ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีที่อำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตและทำงานภายในอาคาร และกระแสแนวคิดด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) เข้ามามีบทบาท​และสร้าง​แต้มต่อให้เจ้าของอาคารและนักลงทุนอสังหาฯ โดยเฉพาะอาคารสร้างใหม่ที่และเน้นมาตรฐานด้านความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้รับการรับรองมาตรฐานของ LEED กับ WELL BUILDINGSTANDARD

การชะลอตัวของตลาดที่อยู่อาศัยในปีนี้ทำให้ “ซีบีอาร์อี” กระจายน้ำหนักงธุรกิจไปที่งานบริการที่หลากหลายมากขึ้นเพื่อลดความเสี่ยง ทำให้ ณ ปัจจุบัน ซีบีอาร์อีมีธุรกิจถึง 16 ธุรกิจแบบครบวงจร ดังนั้นในช่วงที่ผ่านมาจึงไม่ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของธุรกิจที่อยู่อาศัยแม้ว่าเศรษฐกิจจะดีหรือไม่ดี เนื่องจากซีบีอาร์อียังมีลูกค้าในหลายเซกเตอร์ จึงช่วยลดความเสี่ยง

นายชาญวิชญ์ พสุวัต หัวหน้าแผนกที่ปรึกษากลยุทธ์พื้นที่ทำงานและแผนกพัฒนาการออกแบบโครงการ ซีบีอาร์อี
ประเทศไทย
กล่าวว่า จากเทรนด์ทำงานจากที่ไหนก็ได้ (Work from anywhere) ส่งผลให้ความต้องการใช้พื้นที่ในอาคารสำนักงานลดลง 20-30% ขึ้นอยู่กับอุตสาหกรรม แต่ยังมีบางอุตสาหกรรมที่ไม่ลดลง ขณะเดียวกัน ความต้องการพื้นที่อาคารสำนักงานที่เพิ่มขึ้นซึ่งในแต่ละปีในแต่ละเซกเตอร์ธุรกิจขึ้นลงแตกต่างกัน ขณะที่การออกแบบพื้นที่อาคารสำนักงานมีความสำคัญมากขึ้น ทั้งนี้ เพื่อตอบโจทย์การทำงานและพฤติกรรมในการใช้งานพื้นที่สำนักงานเช่าของคนรุ่นใหม่ให้มีความสุขในการทำงานและยังช่วยการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายขององค์กร รวมถึงประสิทธิภาพการทำงานที่เพิ่มขึ้น

ขณะที่กลุ่มธุรกิจบริหารจัดการอสังหาฯ แบบครบวงจรให้น้ำหนักกับงานบริการจัดการพื้นที่มากขึ้น ซัปพลายพื้นที่เช่าสำนักงานมีทิศทางการเติบโตเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยคาดว่าในระยะ 3 ปีจากนี้จะมีซัปพลายพื้นที่เช่าสำนักงานเกรดเอที่สร้างเสร็จใหม่เข้าสู่ตลาดประมาณ 830,000 ตารางเมตร (ตร.ม.) ซึ่งจะมีผลให้การแข่งขันในตลาดดังกล่าวสูงขึ้น โดยคาดว่าในปลายปีนี้อัตราการเช่าพื้นที่สำนักงานเช่าโดยรวมลดลงมาอยู่ที่ระดับ 80% จากปัจจุบันที่มีอัตราการใช้พื้นที่อยู่ที่ 84% ซึ่งการลดลงของอัตรการใช้พื้นที่สำนักงานเช่านี้มีสาเหตุมาจากหารไหลเข้ามาของพื้นที่เช่าสำนักงานใหม่ที่ทยอยก่อสร้างเสร็จในปีนี้ โดยเฉพาะพื้นที่เช่าสำนักงานใหม่บางส่วนจากโครงการ “One Bangkok” ที่ทยอยก่อสร้างเสร็จและเปิดให้ใช้บริการ

คุณายุทธ เดชอุดม
นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่สำนักงานเช่าเกรดเอ ซึ่งเป็นโครงการสำนักงานเช่าที่เป็นไฮไลต์ของตลาดในช่วง 3 นี้ อีกหนึ่งโครงการที่จะทยอยสร้างเสร็จและเปิดใช้ คือ Central Park Offices โครงการสำนักงานเช่าในโครงการมิกซ์ยูส Dusit Central Park ซึ่งมีจุดเด่นด้านทำเลที่ตั้งโครงการในย่านใจกลางเมือง ซึ่งเป็นศักยภาพที่แข็งแกร่งของทำเลถนนสีลม เดินทางสะดวก เชื่อมต่อ Core Connectivity ผ่านจุดตัดของรถไฟฟ้า MRT และ BTS การออกแบบพื้นที่ของโครงการนี้นับว่าสอดรับกับเทรนด์ตลาดสำนักงานเช่าในปัจจุบันมาก เพราะภายในอาคารมีการติดตั้งเทคโนโลยีรองรับการทำงานและใช้ชีวิต ที่เน้นเรื่องสิ่งแวดล้อม คำนึงถึง Journey ในทุกส่วนของโครงการมิกซ์ยูส ที่จะเป็น Community ของคนทำงานรุ่นใหม่ และทำให้ผู้คนรู้สึกอยากมาทำงานและมาใช้ชีวิตที่นี่

โดย นายคุณายุทธ เดชอุดม Head of Business Development Strategy บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า อาคาร Central Park Offices จุดเด่นด้านทำเลที่ดีที่สุด และยังเชื่อมต่ออย่างลงตัวกับพื้นที่สีเขียว จะทำให้ที่นี่เป็นอาคารสำนักงานระดับโลกที่ผู้คนอยากมาใช้ชีวิต โดยมีแนวคิดสำคัญ คือ Perfect Work/Life Harmony โดยเชื่อมต่อพื้นที่สีเขียว Rooftop Park ขนาด 7ไร่ ที่สอดรับกับ Healthy Lifestyle ของคนเมือง ด้วย Jogging Track ลู่วิ่ง และ Trail พร้อมทำกิจกรรม Outdoorได้หลายรูปแบบ และดีไซน์ฟังก์ชัน Private Terrace ที่สามารถมองเห็นวิวสวนลุมพินีได้เต็มที่ ตอบโจทย์ Modern Working Lifestyle ของคนทำงานรุ่นใหม่ที่ต้องการ Productivity & Creativity จึงดีไซน์พื้นที่ทำงานที่สามารถยืดหยุ่นได้ประกอบไปทั้ง flex space,ห้องประชุม townhall ที่จะตอบโจทย์การใช้งานหลากหลาย พร้อมทั้งตั้งเป้ามาตรฐาน LEED Gold, WELL Platinum และ Wired Score Gold และมีระบบที่ใส่ใจ Well-Being เช่น การกรองและควบคุมคุณภาพอากาศ การเลือกใช้วัสดุที่ลดการดูดซับความร้อนและใช้กระจกที่ลดการสะท้อนแสง มีระบบ Smart Energy Control รวมถึงระบบความปลอดภัย สแกนใบหน้าของพนักงาน อีกหนึ่งไฮไลต์คือ Rooftop Bar บนชั้น 43 ที่สามารถชมวิวกรุงเทพฯ ได้แบบ 360 องศา

สุพินท์ มีชูชีพ
 “Sen X” เสริมนวัตกรรม-เทคโนโลยีบริการเจาะอสังหาฯ พรีเมียม

สอดคล้องกับ นางสุพินท์ มีชูชีพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทเซ็นเอกซ์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งกล่าวว่า เพื่อรองรับการขยายตัวของตลาดบริหารจัดการอสังหาฯ แบบครบวงจร จึงได้เสริมทัพทีมบริหารบุคลากรบริหารจัดการที่อยู่อาศัยอาคารเชิงพาณิชย์เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้องค์กรและพัฒนาโซลูชันด้านการบริการระดับมาตรการฐานอย่างมืออาชีพให้แก่ลูกค้ารวมถึงการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีภายใต้คอนเซ็ปต์ Life Simplified ชีวิตง่ายสบายยิ่งขึ้นด้วยบริการ “Intelligence First Mile - Last mile” ที่นำ EV Shuttle ให้บริการรับส่งเชื่อมต่อไปยังขนส่งสาธารณะสามารถติดตามตำแหน่งรถผ่านแอปพลิเคชัน Smart Mobility มอบความสะดวกสบายและตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตควบคู่ไปกับพัฒนาธุรกิจสู่ความยั่งยืนทุกรูปแบบให้สอดคล้องกับแนวทางการสร้างเมืองอัจฉริยะ หรือ Smart City ที่วางไว้

โดยปีนี้บริษัทยังคงเน้นธุรกิจหลักประกอบด้วย 1.Sen X Property Management and Property Services ธุรกิจที่ให้บริการด้านการบริหารจัดการนิติบุคคลที่อยู่อาศัยซึ่ง แบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ


Property and Facilities Management ให้บริการด้านการบริหารจัดการนิติบุคคลเสริมทัพด้วยผู้บริหารที่เชี่ยวชาญในวงการอสังหาฯ เพื่อยกระดับการให้บริการด้วยเทคโนโลยีที่ง่ายสะดวกสบายและมุ่งสู่ความยั่งยืนพร้อมบุกตลาดอสังหาระดับพรีเมียมด้วย Elite Services ซึ่งเป็นการบริการลูกบ้านระดับ World Class จากทีมงานมืออาชีพผ่านการอบรมตามมาตรฐานประเทศญี่ปุ่นและให้บริการ Tenancy management & Hospitality ตัวแทนในการบริหารจัดการอสังหาฯ แบบครวงจรให้นักลงทุนและการบริหารโรงแรม รวมถึง Services Apartment ภายใต้แบรนด์ SEN STAY ซึ่ง ปัจจุบันบริษัทให้บริการ Property and Facilities Management รับบริหารโครงการทั้งหมดกว่า 100 โครงการ แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 65 โครงการ และที่เหลือเป็นหมู่บ้านซึ่งสัดส่วนบริหารเป็นโครงการของบริษัทในเครือ 70% และโครงการอื่นภายนอก 30% โดยในปี 67 บริษัทตั้งเป้าขยายสัดส่วนของการดูแลโครงการอื่นเพิ่มมากกว่า 40% พร้อมขยายตลาดเชิงพาณิชย์ควบคู่ไปด้วย

Property Services การเป็นตัวแทนขายเช่าอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยเชิงพาณิชย์และเชิงอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ซึ่งเป็นการเสริมแกร่งทีมบริหารงานขายโครงการให้คำปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนทั้งลูกค้าไทยและนักลงทุนชาวต่างชาติโดยมีเครือข่ายอยู่หลายประเทศ เช่น จีน ไต้หวัน พม่า อินเดีย มั่นใจว่าสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตอันเหนือระดับและเพิ่มมูลค่าของอสังหาริมทรัพย์ในการลงทุนให้นักลงทุนและผู้อาศัยในอนาคตได้

2.Sen X Property Development ธุรกิจที่บริหารจัดการพัฒนาโครงการใหม่ๆ โดยมุ่งเน้นพัฒนาโครงการระดับ Luxury ที่ยังคงจุดเด่นบ้านใส่ใจสิ่งแวดล้อมด้วย Zero Energy House พร้อมการนำ technology มาผสมผสานเพื่อตอบโจทย์ Smart Lifestyle ของการใช้ชีวิตในยุคปัจจุบัน ซึ่งปีนี้มีแผนที่จะเปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยวมูลค่าโครงการกว่า 2,600 ล้านบาท

3.Sen X Digital ธุรกิจที่เน้นการพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อช่วยในการบริหารงานอสังหาริมทรัพย์ และเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้อยู่อาศัย เป็นไปตามแนวคิดหลัก “Life simplified” ชีวิตง่ายสบายยิ่งขึ้น โดยฟีเจอร์ต่างๆ พัฒนามาจากความเข้าใจเชิงลึก (Customer Insight) ของลูกค้า และลูกบ้าน ซึ่ง Sen X กำลังพัฒนาและยกระดับ Smart application 2 ตัว

4.Sen X Retail ธุรกิจที่ให้บริการเลือกซื้อของในการเข้าอยู่และของตกแต่ง อย่างง่ายดาย ผ่าน Smartify Home ที่เข้ามาช่วยแก้ปัญหาของลูกบ้าน ที่ซื้อบ้านหรือซื้อคอนโดฯ ใหม่ โดยอำนวยความสะดวกให้ผู้อยู่อาศัยเลือกซื้อของตกแต่งบ้านผ่าน Smartify home ครบจบที่เดียว ซึ่งสินค้าจะถูก tailored made ให้เข้ากับสไตล์และขนาดของที่อยู่อาศัยนั้นๆ จากทีมงานมีฐานข้อมูลขนาดพื้นที่ของแต่ละ unit type ในทุกโครงการอยู่แล้ว โดยที่ลูกบ้านไม่ต้องเสียเวลานัดช่างมาวัดพื้นที่หรือนัดติดตั้ง ทีม Smartify home ดูแลให้ครบจบทุกขั้นตอน
กำลังโหลดความคิดเห็น