หุ้นไทยพลิกปิด +1.69 จุด นักวิเคราะห์ชี้ตลาดรับแรงหนุนการลงทุนกลุ่มบิ๊กเทคฯ หลังนายกโปรยยาหอมดึง อเมซอนตั้งฐานดาต้าเซ็นเตอร์ในไทย ประเมินกรอบการลงทุนวันพรุ่งนี้แนวรับที่ 1,340 จุด และแนวต้านที่ 1,355 จุด แนะจับตาการเปิดเผยตัวเลข PCE สหรัฐและดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการของจีน
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 30 พ.ค. 2567 ปรับตัวเพิ่มขึ้น +1.69 จุด หรือ +0.13% โดยปิดตลาดที่ 1,351.52 จุด มูลค่าซื้อขาย 43,799.77 ล้านบาท โดยภาพรวมการซื้อขายหุ้นวันนี้ดัชนีปรับลงเกือบตลอดวัน ก่อนดีดขึ้นมาบวกช่วงท้ายตลาดก่อนปิดทำการ โดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุด 1,353.50 จุด ในทิศทางกลับกันที่ปรับตัวลดลงต่ำสุด 1,340.83 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 216 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 191 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 251 หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิกว่า -1,372.78 ล้านบาท และ และ บัญชี บล. ขายสุทธิกว่า -668.09 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิกว่า +751.70 ล้านบาทนักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า +1,289.18 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,859.39 ล้านบาท ปิดที่ 131.00 บาท ลดลง 1.50 บาท
2.EA มูลค่าการซื้อขาย 1,639.06 ล้านบาท ปิดที่ 22.20 บาท ลดลง 0.90 บาท
3.PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,370.34 ล้านบาท ปิดที่ 33.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
4.BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,358.89 ล้านบาท ปิดที่ 137.50 บาท ลดลง 1.50 บาท
5.BDMS มูลค่าการซื้อขาย 1,314.94 ล้านบาท ปิดที่ 27.25 บาท ลดลง 0.50 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.RCL ปิดที่ 30.00 เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ 5.26%
2.KTC ปิดที่ 45.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท หรือ 2.82%
3.AEONTS ปิดที่152.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ 0.66%
4.ADVANC ปิดที่205.00บาท เพิ่มขึ้น 1.00าท หรือ 0.49%
5.SCC ปิดที่238.00บาท เพิ่มขึ้น 1.00บาท หรือ 0.42%
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.BH ปิดที่242.00 บาท ลดลง 3.00 บาทหรือ 1.22%
2.KBANKปิดที่131.00บาท ลดลง 1.50 บาทหรือ 1.13%
3.PTTEP ปิดที่155.00บาท ลดลง 1 .50 บาทหรือ 0.96%
4.BBL ปิดที่137.50บาท ลดลง 1.50 บาทหรือ 1.08%
5.EA ปิดที่22.20บาท ลดลง 0.90 บาทหรือ 3.90%
ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 1,835.76 จุด เพิ่มขึ้น 1.53 จุด หรือ 0.08% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 830.37 จุด เพิ่มขึ้น 0.79 จุด หรือ 0.10% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 380.16 จุด ลดลง -1.41 จุด หรือ -0.37%
นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้พลิกมาปิดบวกได้หลังจากระหว่างวันแกว่งในแดนลบ แต่ไม่หลุด 1,340 จุด โดยมีปัจจัยกดดันหลักคือคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะคงดอกเบี้ยสูงนาน
อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นมาเลเซียบวกสวนตลาดอื่นเพราะมีข่าวกูเกิลจะเข้าไปลงทุน Data Center และ AI หลังจากไมโครซอฟท์ประกาศจะลงทุนในมาเลเซียเช่นกัน ส่วนไทย วันนี้นายกรัฐมตรีระบุว่าอเมซอนสนใจจะเข้ามาลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ในไทย ทำให้เห็นภาพอาเซียนดึงดูดเงินลงทุนเกี่ยวกับดาต้าเซ็นเตอร์ และ AI จากเจ้าใหญ่ ๆ ของโลก ทำให้มี sentiment เชิงบวก
นอกจากนี้ยังมีแรงซื้อเข้าในหุ้นกลุ่มอาหารเช่น CPF , GFPT, TFG ซึ่งได้รับอานิสงส์จากเหตุไข้หวัดนกระบาดในสหรัฐและออสเตรเลีย รวมถึงแรงซื้อหุ้นเก็งรับประโยชน์จากดัชนี MSCI ที่จะมีการปรับน้ำหนักในวันพรุ่งนี้ (31 พ.ค.)
"แนวโน้มตลาดในวันพรุ่งนี้คาดว่าคงขึ้นไปไม่มาก แนะเก็งกำไรกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนปัจจัยที่ต้องรอติดตาม ได้แก่ ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ประจำเดือน เม.ย.ของสหรัฐ , เงินเฟ้อโซนยุโรป คาดรู้ผลช่วง ส่วนข้อมูลดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือน พ.ค. และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนพ.ค.ของจีน เปิดเผยพรุ่งนี้เช่นกัน โดยประเมินกรอบการลงทุนแนวรับ 1,340 จุด ส่วนแนวต้าน 1,355 จุด" นายศราวุธ กล่าวทิ้งท้าย